CHUBCHEEVIT STUDIO

 

ชุบชีวิตบ้านร้างให้กลายเป็นโฮมออฟฟิศสุดเท่

Text: Boonake A.
Photo: ฉัตรชัย เจริญพุฒ

ถ้าหากไม่พูดถึงกระแสวิพากษ์ วิจารณ์ภาพยักษ์วัดโพธิ์ ยักษ์วัดแจ้ง ใส่หน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 แล้วชื่อของ “ชุบ–นกแก้ว”เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วในสายการทำงานด้านCommercial Art และงานสาย Visual Art โฆษณา ในฐานะการเป็นช่างภาพ และรีทัชเชอร์มืออับดับต้นๆ ของประเทศไทยที่คว้ารางวัลจากการประกวดโฆษณาในระดับโลกมากมาย

แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้น ก็คือตอนนี้ตัวคุณชุบเอง ได้สร้างโฮมออฟฟิศ ในชื่อChubcheevit Studio  ขึ้นมาอีกแห่ง ที่อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศเดิม ในหมู่บ้านทาวน์ อิน ทาวน์ ซอย 6ที่น่าสนใจก็เพราะโฮมออฟฟิศที่ว่านั้น ถูกสร้างขึ้นจากการรีโนเวตแทบจะทั้งหมด  เรียกได้ว่านี่เป็นโปรเจกต์ชุบชีวิตบ้านเก่าให้กลับมามีชีวิตใหม่เลยก็ว่าได้

“ผมตั้งใจอยากสร้างเป็นส่วนของงานด้านถ่ายภาพ คอนเซปท์ทั้งหมดในการคิดเลยเริ่มต้นจากความต้องการสตูดิโอ ต่อจากนั้นฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ก็ตามมา เพราะเมื่อเป็นสตูฯ แล้วก็ต้องมีห้องแต่งตัว ห้องต้อนรับลูกค้า ห้องทำงาน ห้องโมเดลลิ่ง และห้องของนางแบบ นายแบบ มันก็เป็นไปตามเรื่องของประโยชน์ใช้สอย”

นั่นคือความต้องการเบื้องต้น ก่อนที่ไอเดียจะถูกพัฒนาต่อไปที่ความคิดจริงจังในการสร้างออฟฟิศขึ้นมา โดยคุณชุบเองได้เลือกบ้านทาวน์เฮ้าส์หลังเก่าขนาดพื้นที่ 72 ตารางวา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศเดิมของเขา

“บ้านหลังนี้เป็นบ้านร้าง มีอายุประมาณเกือบ 20 ปี ซึ่งก็มีคนถามว่าทำไมไม่สร้างใหม่ในที่อื่นไปเลย ผมก็บอกว่าสเกลงานที่ผมทำมันก็ไม่ได้ใหญ่มาก ออฟฟิศแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วยังใกล้ออฟฟิศเดิมอีกด้วย ผมสามารถไปมาได้ทั้งสองที่ แถมลูกค้าที่เราดีลงานส่วนใหญ่ก็อยู่กันแถวนี้ อยู่ตรงนี้ก็น่าจะสะดวกทั้งเราและเขา”

แต่อย่างที่รู้กันว่าบ้านหลังนี้มีอายุเกือบ2 ทศวรรษ ทั้งยังอยู่ในสภาพทรุดโทรมเข้าขั้นมาก คุณชุบจึงตัดสินใจที่จะรีโนเวตใหญ่ เรียกได้ว่าแทบจะทำใหม่ทั้งหลังตั้งแต่ฐานราก ไปจนถึงฝาเพดาน ผนังห้อง โดยเขาเป็นผู้ออกแบบ ควบคุมงานการก่อสร้างร่วมไปกับผู้รับเหมาด้วยตัวเองเป็นระยะเวลากว่า 8 เดือน

คุณชุบบอกกับพวกเราว่าที่เลือกสไตล์แบบIndustrial เพราะเขามองว่าในรายละเอียดของเนื้อไม้ ความสากของผิวปูน ผิวอิฐบล็อก ความแตกหักของอิฐมอญ เศษฝุ่นบนผนังซีเมนต์ขัด คราบสนิมที่ก่อตัวบางๆ บนขอบประตู รวมถึงการเปลือยให้เห็นโครงสร้างบนฝ้าเพดานเปลือย เหล่านี้ล้วนเป็นเสน่ห์ความสวยงามในความไม่สมบูรณ์แบบทั้งหมด

“ผมชอบพวกพื้นผิววัสดุแบบที่มันเป็นจริงนะ เราได้เห็นเนื้อแท้ของวัสดุเหล่านั้น ซึ่งบางครั้งความเป็นจริงตรงนั้นมันอาจจะไม่ใช่ความสวยงามสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นสิ่งที่ท้าทายรสนิยมอย่างมากว่า เราจะนำความจริงที่ไม่สมบูรณ์แบบนั้นมาจัดวางให้มันเกิดคุณค่า ความสวยงาม และตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างไรในแบบที่เรียกว่าImperfect is Perfect”

ข้อดีอีกอย่างของการตกแต่งสไตล์Industrial ที่คุณชุบเล่าให้เราฟังเพิ่มเติมก็คือ ด้วยความเปลือยๆ ดิบๆ ตรงนี้มันก็ช่วยประหยัดงบ และประหยัดเวลาประมาณในการสร้างได้ ประกอบกับตรงนี้เป็นพื้นที่ออฟฟิศ และสตูดิโอถ่ายภาพที่มีคนเข้าออกไปมาตลอด การตกแต่งสไตล์นี้สามารถดูแลรักษาได้ง่ายโดย ไม่ต้องห่วงความเสียหายอะไรมากนั่นเอง

“ในเรื่องของสไตล์ในการตกแต่ง พอเรารู้แล้วว่าธีมที่คลุมเอาไว้คือ Industrialก็ต้องมาลงรายละเอียดในเรื่องของการตกแต่งแต่ละห้อง ผมตั้งใจเลยว่าอยากแต่งแต่ละห้องให้มีอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน ทุกห้องจะต้องมีคาแรคเตอร์เฉพาะของตัวเอง”

จริงอย่างที่เขาว่า เพราะเมื่อเราได้เดินสำรวจโฮมออฟฟิศแห่งนี้ โดยมีเจ้าของบ้านนำ คุณชุบเล่าให้ฟังว่าการออกแบบภายในเพื่อแบ่งห้อง ต้องทุบผนังกำแพงทิ้งเพื่อกำหนดพื้นที่ภายในของบ้านใหม่ทั้งหมด จนได้ออกมาเป็นห้องจำนวน8 ห้อง ซึ่งทุกห้องได้รับการตกแต่งใหม่ให้สามารถดัดแปลงปรับเปลี่ยนเป็นมุมถ่ายภาพได้ทั้งหมด

เริ่มตั้งแต่เดินผ่านประตูเหล็กสีดำขนาดใหญ่ ก็จะพบกับห้องสตูดิโอถ่ายภาพหลังคาสูงสีขาว เขาบอกว่าในส่วนนี้เป็นที่จอดรถเดิมที่ถูกทำฐานรากใหม่ กั้นปิดทึบ สร้างเป็นห้องขึ้นมาใหม่ทั้งหมด

ถัดมากจากส่วนนี้จะพบอีกสองห้องหลักในชั้นหนึ่งก็คือห้องอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ใช้สำหรับทานข้าว ประชุมรวมถึงในบางครั้งถูกเซ็ตไว้เป็นมุมถ่ายภาพจำลองร้านกาแฟในโฆษณาบางชิ้น ห้องนี้ถูกดัดแปลงจากสวนหลังบ้าน โดยการทุบทำผนังใหม่ เทพื้น และกั้นหลังคาโปร่งแสง โดยยังเก็บต้นไม้และสนามหญ้าบางส่วน มาทำเป็นสวนในร่มได้อย่างน่าสนใจ

ขึ้นไปชั้นสองจะพบอีกสองห้องใหญ่ ทั้งสองห้องนี้สามารถบรรยายถึงความแตกต่างในด้านสไตล์ได้อย่างชัดเจน เริ่มจากห้องแรกคือห้องอเนกประสงค์ผนังเปลือยสีอิฐ มีการเซ็ตบรรยากาศให้เป็นห้องสมุดแบบวินเทจ เพิ่มเสน่ห์ความสวยงามด้วยเฟอร์นิเจอร์แบบสไตล์ยุโรปโบราณ ในห้องนี้คุณชุบยังขยายขนาดห้องด้วยการทุบผนังเดิมกั้นห้องให้กว้างขึ้นเพิ่มพื้นที่เป็นแกลเลอรี่แสดงภาพถ่ายส่วนตัวของเขาด้วย

ต่อมาที่ห้องทำงานในส่วนของโมเดลลิ่งนี่ก็มีความน่าสนใจ ที่เจ้าของบ้านเองรีโนเวทใหม่จากห้องธรรมดา ให้กลายเป็นห้องสีฟ้าขาวสวยงามเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์แบบบ้านไม้โบราณริมทะเล ห้องนี้จึงเป็นที่ถูกใจของสาวๆ ทุกคนที่มาเคยมาที่โฮมออฟฟิศแห่งนี้

ชั้นสามถูกเซ็ตไว้เป็นพื้นที่ส่วนตัว ก็คือห้องนอนของคุณชุบนั่นเอง เขาเลือกรีโนเวททั้งทุบทิ้ง ก่อผนัง รื้อฝ้าเพดานใหม่เพื่อสร้างเป็นห้องนอนสีขาวหวานในสไตล์วิกตอเรียนที่เขาชื่นชอบ นอกจากนี้ยังเพิ่มความน่าสนใจด้วยการนำแอคเซสซอรี่แบบวินเทจมาตกแต่งในมุมต่างๆ ไว้อย่างลงตัว บรรยากาศของห้องนี้จึงเต็มไปด้วยความโปร่ง โล่งสบาย ดึงความรู้สึกให้ผ่อนคลายได้เมื่อแรกเห็น และแน่นอนห้องนี้ก็สามารถใช้ในงานถ่ายภาพได้เช่นกัน แม้จะเป็นพื้นที่ส่วนตัวก็ตาม

ที่เหลือจะเป็นห้องออกกำลังกาย รวมถึงห้องเก็บของที่ไม่ได้มีการตกแต่งอะไร เราจึงไม่ขอลงลึกในรายละเอียด ซึ่งจากการได้มาสัมผัสบรรยากาศและตัวตนของโฮมออฟฟิศแห่งนี้ ทำให้เราสามารถเข้าใจได้ทันทีถึงความสวยงามและแก่นแท้ของคำว่าImperfect is Perfectที่คุณชุบได้สร้างขึ้น จนกลายเป็นความสวยงามที่สามารถชุบชีวิตบ้านร้างหลังนี้ให้กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง

 

“ผมชอบพวกพื้นผิววัสดุแบบที่มันเป็นจริงนะ เราได้เห็นเนื้อแท้ของวัสดุเหล่านั้น ซึ่งบางครั้งความเป็นจริงตรงนั้นมันอาจจะไม่ใช่ความสวยงามสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นสิ่งที่ท้าทายรสนิยมอย่างมากว่า เราจะนำความจริงที่ไม่สมบูรณ์แบบนั้นมาจัดวางให้มันเกิดคุณค่า ความสวยงาม และตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างไรในแบบที่เรียกว่าImperfect is Perfect”

 

Leave A Comment