ALWAYS POSITIVE

คิดดีอยู่ดีที่บ้านหยก

Text: เนปาล-พิษณุ
Photo: ฉัตรชัย เจริญพุฒ 

หลายๆ คนคงเคยเคยได้ยินชื่อซอยนานา ตรงวงเวียน 22 กรกฎา เยาวราชมาบ้างแล้ว ซอยซึ่งมีประวัติเก่าแก่ และเป็นที่รู้จักกันในนามของย่านขายยาสมุนไพรจีนซึ่งในปัจจุบันอาคารเก่าถูกดัดแปลงให้กลายเป็นตึกที่ผสมผสานกลิ่นอายเดิมและไลฟ์สไตล์ของหนุ่มสาวที่หลงใหลในศิลปะ แต่ยังสะท้อนวิถี วัฒนธรรมของความเป็นไชน่าทาวน์ของย่านนี้อยู่ มีทั้งคาเฟ่ แกลเลอรี่ และโฮสเทลที่ตกแต่งได้อย่างมีเอกลักษณ์ และน่าสนใจอย่างเช่นที่ “Baan Yok-บ้านหยก”ตึกแถวเก่าที่แฝงเสน่ห์แห่งนี้

เมื่อเดินเข้าไปด้านในบ้านหยก โซนแรกที่จะได้พบคือคือส่วนของรีเซปชั่นที่มีสเปซให้ได้นั่งพักผ่อน พร้อมเป็นคาเฟ่ และบาร์ไปในตัว บรรยากาศอบอุ่นด้วยแสง Daylightที่สาดส่องมาจากด้านนอก แต่ก็สัมผัสถึงความเก่าแก่และเรื่องราวของวันวานที่สะท้อนเรื่องราวผ่านเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เช่น ตู้ยาจีนทรงสูง เคาท์เตอร์บาร์ที่มีภาพเขียนพอร์เทรทของ “โจว เสวียน” นักร้องและนักแสดงชาวจีนที่เป็นตำนานจากยุค 1940 หนึ่งในเจ็ดดาวจรัสแสงเซี่ยงไฮ้ สายตาของเธอที่สะท้อนออกมาจากภาพวาด ดุจมีมนตราที่สามารถตรึงให้ทุกคนต้องหยุดชื่นชมความงามของแบบสตรีจีนในยุคคลาสสิกคนนี้

ก้าวย่างเข้าไปด้านในตัวบ้านซึ่งถูกแบ่งเป็นโซนครัว และทางขึ้นสู่ห้องนอนด้านบน ก็จะได้พบกับบรรยากาศที่แตกต่างไปจากด้านหน้า โทนแสงที่ดูขรึม น่าค้นหา ตกแต่งด้วยโคมไฟสีแดงสะท้อนตัวตนของย่านเยาวราช ยิ่งขับให้บ้านหยกดูมีคาแรกเตอร์โดดเด่น ซึ่งเมื่อได้เดินสำรวจไปถึงห้องพักทั้ง 3 ชั้น ก็ยิ่งสัมผัสได้ว่าเจ้าของโฮสเทลนี้ ต้องมีคอนเซปต์ในการแบ่งโซนต่างๆ ไว้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะห้องพักทุกห้องที่ดูแตกต่างกัน ซึ่งได้มาทราบจากคุณปูเป้-สุดาภรณ์ แซ่เอี้ย ผู้เป็นเจ้าของเกี่ยวกับที่มาที่ไปและความตั้งใจนี้

“เราตั้งใจให้แต่ละห้องพักของบ้านหยกมีความแตกต่างกัน ซึ่งเมื่อลูกค้าได้มาเห็นต่างก็ตื่นเต้น และอยากจะนอนให้ครบทุกห้อง เรามีทั้งห้องโทนสีเรียบ อบอุ่น บางห้องก็จะเป็นโทนสีเขียวแดง เทาเข้ม เขียวเข้ม หรือสีน้ำเงิน สีเทา เราเน้นตกแต่งห้องให้มีมิติค่ะ ทุกห้องจะมีคาแรกเตอร์ของตัวเอง โดยจะมีชื่อเรียกบ่งบอกตัวตนของเขาอยู่แล้ว อย่างเช่น ชั้น 3ที่จะมีห้องที่ชื่อ Quiet Room เป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัว เงียบสงบ, ชั้น2 ห้องAntique Roomที่มีรายละเอียดเก่าเก็บทั้งประตู หน้าต่าง ของตกแต่ง โดยให้แสงที่ดูเท่ขรึม คลาสสิก และก็จะมีโซนห้องแบบChinese Shophouse และ Original Shophouse และShophouse with large terrace ที่จะมีสวนที่กว้างขวางให้อยู่ด้านบนดาดฟ้า สำหรับการออกแบบดีไซน์ และการรีโนเวท เราจะทำกันเองหมดค่ะ โชคดีที่ปูเป้และสามี คุณVictor Hierro ช่วยกันในเรื่องออกแบบได้ ส่วนคุณพ่อก็มีความรู้ด้านช่าง ที่จะมาช่วยทำให้เป็นรูปเป็นร่าง ในเรื่องการตกแต่ง ด้วยความที่สามีเคยค้าขายเฟอร์นิเจอร์เก่าและทำธุรกิจด้านนี้อยู่แล้วก็ได้นำมาใช้กับบ้านหยกนี้”

สัมผัสได้ถึงรสนิยม การตกแต่งห้องและบรรยากาศของโฮสเทล เหมือนการได้เดินทางท่องเที่ยวไปกับวัฒนธรรม ความหลากหลาย และสีสันอื่นตื่นตาตื่นใจ จึงอยากทำความรู้จักตัวตนของผู้เป็นเจ้าของ คุณปูเป้ มีไลฟ์สไตล์หรือความชอบอย่างไร

“ปูเป้ชอบตกแต่งบ้านอยู่แล้วค่ะ ชอบจัด ชอบมองบ้านสวยๆ ชอบท่องเที่ยว ซึ่งจริงๆ แล้วที่นี่เกิดจากการที่เราย้ายกลับมาจากสเปนเมื่อ6 ปีที่แล้ว เราแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่กับสามีที่นั่น ซึ่งมีบ้านหลังใหญ่ และมีห้องว่างอยู่หลายห้อง ประจวบเหมาะกับช่วงนั้นกำลังมี Airbnb เป็นสตาร์ทอัพเกี่ยวกับการแบ่งปันที่พัก ใครที่มีห้องว่างสามารถเปิดห้องให้ผู้อื่นมาเช่าได้ซึ่งพอมีเวบไซต์นี้เข้ามา เราก็เลยลองเริ่มจากห้องหนึ่งที่นั่น จนเมื่อย้ายมาอยู่เมืองไทย ก็เลยเอาไอเดียนี้มาทำต่อโดยมาเลือกทำเลตรงซอยนานา ในย่านนี้ ซึ่งมีกลิ่นไอความเป็นไชน่าทาวน์ โดยเราเริ่มจากการเช่าอยู่เอง แล้วก็ค่อยๆ ขยับขยายเพิ่มห้อง ใส่ความเป็นตัวเองลงไป พูดง่ายๆ เราอยากได้ที่พักอารมณ์แบบไหน ก็ทำออกมาแบบนั้น สไตล์ของแขกที่มาพักก็จะคล้ายๆ กับเรา คือเป็นพวกที่ชอบพักโฮสเทลที่ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านมากกว่าโรงแรมซึ่งที่มาของชื่อบ้านหยก ด้วยความที่ตรงนี้เป็นชุมชนคนไทยเชื้อสายจีน ประกอบกับอากงของปูเป้ชื่อหยก บรรยากาศทุกอย่างก็เอื้อกันไปหมด ก็เลยมาลงตัวที่ชื่อบ้านหยกค่ะ”

เชื่อไปหมดใจแล้วว่าคนที่เรียนศิลปะหรือเรียนออกแบบตกแต่งมา แล้วได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักจนสะท้อนสไตล์ที่โดดเด่นออกมาเป็นตัวตนที่ชัดเจนได้แบบนี้ อยากจะให้คุณปูเป้ได้ฝากแนวคิดไว้กับคนอ่าน แต่กลับได้ฟังคำตอบที่ประหลาดใจแต่ก็น่ายินดี

“ปูเป้ไม่ได้เรียนจบอะไรมาเลยค่ะ ซึ่งเรามักจะโดนถามบ่อยๆ ว่า จบสถาปนิก หรือมัณฑนากรมาหรือเปล่าซึ่งคำตอบคือเปล่า ทุกคนก็จะแปลกใจ ที่เราทำโมเดลบ้านได้ มีไอเดียในการตกแต่งบ้าน ปูเป้จึงอยากจะฝากบอกว่าการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักถือว่าเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดแล้วค่ะ เราต้องเริ่มจากการหาตัวเองให้เจอก่อนว่าชอบอะไร อยากที่จะทำอะไร และต่อมาโอกาสก็เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับปูเป้ต้องขอบคุณคุณวิกเตอร์ สามีที่ให้โอกาส เขาไม่เคยปิดกั้นในการทำสิ่งที่เราชอบ แถมยังคอยสนับสนุน และเป็นกำลังใจให้เราผ่านทุกปัญหามาได้ ชีวิตมีอะไรหลายอย่างรอเราอยู่ และทุกก้าวต่างมีอุปสรรคทั้งนั้น ก็ต้องค่อยๆ ก้าว ค่อยๆ แก้กันไปทีละสเต็ป อุปสรรคใหม่ๆ จะเป็นแรงผลักดัน และจะทำให้เราภูมิใจเมื่อเราเอาชนะในสิ่งที่เราไม่เคยเจอได้ สิ่งสำคัญคือต้องมองโลกในแง่ดีไว้เสมอ แล้วความสุขก็จะรอเราอยู่ค่ะ”

Location:
บ้านหยก
223ซอยนานา เยาวราช (วงเวียน 22 กรกฎาคม)
เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร10100
TEL098 996 5479

Leave A Comment