สถาปนิกที่สร้างผลงานที่เป็นที่จับตามองโดยเฉพาะงาน Multi-Place ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี

TEXT: ณิชา เตชะนิรัติศัย
PHOTO:ฉัตรชัย เจริญพุฒ

วันนี้ทีม daybeds ได้มีโอกาสมาพูดคุย กับคุณหนึ่ง-เอกภาพ ดวงแก้ว ซึ่งเดิมทีคุณหนึ่งโตมาจากเชียงใหม่ กับครอบครัวที่คุณพ่อเป็นนักประติมากร และคุณแม่เป็นนกธุรกิจ ก่อนหน้าที่จะมาประกอบอาชีพสถาปนิก เคยเป็นนักดนดรี แต่ด้วยใจรักที่จะทำตามฝัน สุดท้ายคุณหนึ่งตัดสินใจเข้ากรุงเทพ เปิดบริษัท EKAR ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบที่เรียกว่ากำลัง Up Scale จากสามปีที่ผ่านมาที่เคยเป็นสถาปนิกที่ถูกเรียกว่า Young Blood Architects (สถาปนิกกลุ่มเลือดใหม่) ตลอด3ปีในวงการ ถือเป็นความประสบการณ์ความสำเร็จ ด้วยโอกาสจากสื่อจากทั่วโลกที่ตอบรับเป็นอย่างดี คุณหนึ่งถือคติว่า “ทำงานให้มากกว่าโจทย์ที่ได้รับมอบหมายจากลูกค้า”

DAYBEDS : ที่มาของบริษัท EKAR
Ekaphap Duangkaew :  ตั้งแต่สมัยเรียนปีสามปีสี่ ผมได้เข้าร่วมส่งประกวดแบบกับเพื่อนชื่อขุน ส่วนตัวผมมีความเชื่อว่าสักวันจะต้องทำในสิ่งที่รักให้ประสบณ์ความสำเร็จ เมื่อเรียนจบ ผมจึงแยกออกมาเปิดบริษัท และผมก็ได้ตัวขุนมาเป็นกำลังหลักให้กับบริษัท ถือว่าหลักๆเรามีกันสองคน

DAYBEDS : EKAR คือ
Ekaphap Duangkaew :  ผมคิดชื่อที่ง่ายที่สุด มันไม่ได้เป็นชื่อที่ต้องมีปรัชญา สมาส-สนธิคำอะไร หาความหมายอะไรพิเศษให้มากมายเลย ไม่ต้องมานั่งคิด นั่งแปล หาความหมายให้กับมัน สำหรับผมมันไม่ใช่อะไรที่สำคัญขนาดนั้น เอาเวลาไปคิดงานให้ดีดีกว่า สุดท้ายก็ได้เป็นชื่อ EKAR ซึ่งความหมายมันก็แค่  ชื่อของผมที่คุณพ่อคุณแม่ตั้งให้ ท่านตั้งมาให้เกี่ยวข้องศิลปะคำว่า เอกภาพ ชื่อคือชื่อของผม หมายถึงความสมดุลของทุกอย่าง อย่างพอดีผมคิดว่ามันได้ความหมายหลายอย่างดี ผมชื่อเลือกนำมาปรับเปลี่ยน เพราะผมมองว่าสุดท้ายบริษัทก็น่าจะเติบโตได้โดยไม่ต้องยืนที่บุคคล

DAYBEDS : ที่บริษัทรับออกแบบงานลักษณะไหนบ้าง จำกัดไหมว่าต้องเป็นงานสถาปัตยกรรมภายนอกอย่างเดียว
Ekaphap Duangkaew :  ผมทำงานทุกรูปแบบ บ้านสองสามล้านจนถึงบ้านร้อยล้าน อาคารสำนักงาน โฮสเทล รีสอร์ท โรงเรียนอนุบาล โครงการจัดสรรค์ อาคารพาณิชย์ ร้านอาหาร เครื่องเล่นเด็ก งานแต่งงาน หรืองานอาร์ตผมสนใจที่เนื้อหาของงาน ผมชอบทำงานที่ผมคิดแล้วว่ามันจะดี รายล้อมด้วยสิ่งแวดล้อมดีๆในการทำงาน ลูกค้าที่ดี ทัศนคติที่ดี ความเชื่อมั่น ความคาดหวังของผลงานที่ไปไกลกว่าที่มันควรจะเป็น ผมชอบอยากทำงานที่ส่งผลกับผู้คน กับสังคม กับชีวิต ซึ่งงานทุกชิ้นมันมีผลหมด ทำบ้านก็มีผลกับชีวิตคน ซึ่งชีวิตคนหนึ่งคนแล้วขยายไปถึงสถาบันครอบครัว ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของสังคมใหญ่ๆสังคมหนึ่งได้ ผมฝันอยู่ตลอดว่า ผมอยากเห็นเมืองไทยพัฒนาไปกว่านี้ มีความเจริญทั้งเรื่องชีวิต สังคม ศิลปะ การเมือง ซึ่งการออกแบบบ้านมันคือการออกแบบชีวิต บ้านมันหล่อหลอมลักษณะนิสัยคนเรามันเป็นแนวทาง มันมีมิติ ที่มันสร้างชีวิตได้จริงๆ ถ้าทำสถาบันบ้าน ให้ดีได้ทำไมสังคมไทยมันจะเปลี่ยนไม่ได้ด้วยการออกแบบบ้าน ผมยังทำงานอีกหลากหลายอย่างที่มันจะส่งผลได้ถึงสิ่งเหล่านั้น อาคารใหญ่ ก็จะยิ่งสามารถทำให้สังคมดีขึ้นได้ ในปริมาณที่มากขึ้น มุมมองคนที่มากขึ้นก็มีทัศนะที่ดีขึ้นได้จำนวนมากขึ้น

DAYBEDS : คุณหนึ่งมีลักษณะงานสไตล์ที่ชอบออกแบบไหม หรือให้คำจำกัดความของสไตล์เป็นแบบไหน
Ekaphap Duangkaew : เรื่องสไตล์เราไม่เคยพูดถึงในงานซักงาน มันมีหลากหลายหมวดหลายหมู่ที่มันเกิดแนวทางขึ้นมาในโลกแห่งการออกแบบสถาปัตยกรรม รูปแบบผลงานที่ดีมันควรออกมาจากชีวิต ความเชื่อ เนื้อหา สังคม มุมมองของคนแต่ละคนที่มันหล่อหลอมออกมาเป็นสไตล์ หากผมกำลังออกแบบงานแบบไหน ผมจะคิดว่ามันหนีไม่ได้อยู่แล้ว ที่จะมาจากสิ่งที่เราได้พบได้เจอประสบการณ์ชีวิตต่างๆ แต่ผมคิดว่ามันจะชัดเจนขึ้นมาเป็นรูปธรรมในวันหนึ่ง ดีเอ็นเอของมนุษย์เรามันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ผลงานที่ออกมาก็จะไม่สามารถบอกสไตล์ได้ ผมยังมีความเชื่อว่าวันหนึ่งสไตล์จะชัดเจนขึ้นมาด้วยผลของเนื้อหา กับคติที่ว่า “อย่าให้เปลือกภายนอกมาสำคัญกว่าเนื้อหาสาระของงาน”

DAYBEDS : ความท้าทายในงานสถาปัตยกรรม
Ekaphap Duangkaew :  ผมว่าคำว่าท้าทายมันก็ดูน่าตื่นเต้นไป งานสถาปัตยกรรมของผมไม่เคยต้องไปท้าทายกับอะไร ผมแค่ต้องการทำงานสถาปัตยกรรมให้เหมาะสม กลมกลืนและให้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆมันดีขึ้น ขอใช้เป็นคำว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้ผมหลงรักในงานสถาปัตยกรรมดีกว่า

DAYBEDS : คุณหนึ่งหลงรักอะไรในงานสถาปัตยกรรม
Ekaphap Duangkaew :  ผมชอบในงานสถาปัตยกรรม เพราะว่ามันเปลี่ยนหลายอย่างให้ดีขึ้นได้ สถาปัตยกรรมมันเป็นสิ่งถาวรคงทน อย่างน้อยก็มีหลายสิบปี หรือบางสิ่งก็มีอายุถึงร้อยพันปี เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ งานสถาปัตยกรรมเหมือนส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของคนเรา เมื่อเราอยู่กับสิ่งนั้นนานๆจะซึมซับ และเกิดการปรับตัว เหมือนเราตื่นมามันก็สื่อสารกับเรา เราก็สื่อสารกับมัน การสื่อสารมันไม่ได้คือการพูดคุยอย่างเดียว มันแสดงออกทางด้านความรู้สึก เย็น ร้อน สว่าง มืด เป็นสิ่งที่เราโต้ตอบกัน  การที่ต้องอยู่ด้วยกันทุกวัน ทำให้ชีวิตสามารถเปลี่ยนได้ ออกจากสถาปัตยกรรมบ้าน ก็ไปเจอภูมิสภาปัตยกรรมเมือง เดินถนนก็ถือเป็นภูมิสถาปัตยกรรม ไปร้านกาแฟ ไปทานข้าว ขับรถ ขึ้นรถ ขี่จักรยาน เดินห้าง ไปทุ่งนา ทำไร่ ทำสวน ทั้งหมด มันคือเรื่องสถาปัตยกรรม คือ เราหนีไม่พ้น ถ้าคิดให้ใหญ่กว่านั้นก็เปลี่ยนสังคม เปลี่ยนโลกได้ ถ้าใครเคยฝันเล่นๆว่าอยากให้บ้านเมืองเราดีขึ้นยังไง ไม่ต้องเป็นนายก เป็นสถาปนิกนี่แหละ เปลี่ยนได้

DAYBEDS : มีวิธีรับมือกับลูกค้าอย่างไร ในเมื่อรับงานออกแบบที่มีโจทย์ที่แตกต่างกันอยู่ตลอด
Ekaphap Duangkaew :  สิ่งแรกคือต้องเข้าใจก่อน ว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ลูกค้าจะไม่เข้าใจ เหมือนเรากำลังพยายามสื่อสารกับคนที่คุยอีกภาษา ผมไม่ได้แค่ต้องสื่อสารให้เข้าใจ แต่ต้องสื่อสารให้ชอบ คือต้องทำให้ลูกค้ารู้จักตัวผมมากขึ้นและเรารู้จักลูกค้ามากขึ้น จะทำให้การสื่อสารเป็นที่เข้าใจกัน

DAYBEDS : แรงบันดาลใจในการทำอาชีพนี้
Ekaphap Duangkaew :  ตั้งแต่เด็กชอบวาดรูปประกวด แข่งขันตั้งแต่เด็ก แข่งเปียโน แข่งวาดรูป แข่งบาส ผมก็หาเรื่องเรียนอะไรที่มันใกล้เคียง ตอนนั้นไม่ดนตรี ก็สถาปัตย์ นั่นแหละ แต่จุดที่สำคัญ ที่ทำให้แน่วแน่ในการทำวิชาชีพให้ดีเลย คือ ตอนประมาณปีสาม ผมไปส่งงานประกวดระดับนานาชาติ พร้อมกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน เราทำเต็มที่ ส่งอาจารย์เสร็จก็เอาไปส่งประกวดต่ออีกรอบ ผลคือได้รางวัลที่สอง จากเด็กปีสามได้รางวัลที่สองในการประกวดซึ่งส่งไปประกวดที่นิวยอร์ค เป็นอะไรที่ไม่คาดฝัน ผมตัดสินใจบินไปรับรางวัลด้วยตนเอง เพื่อไปดูผลงานต่างๆของคนอื่น เหมือนเปิดโลกหลังจากนั้นผมก็ส่งประกวดอยู่ตลอด ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่คือก็เป็นการฝึกความคิด เกลามุมมอง จนสุดท้ายผมเริ่มเรียนรู้ว่าสิ่งที่ยากในสายอาชีพนี้คือทำยังไงให้งานที่ได้สร้างนั้นเป็นไปได้ตามที่คิด

DAYBEDS : ผลงานส่วนใหญ่อยู่ที่ภาคใต้  อะไรที่ทำให้คุณหนึ่งได้รับงานอย่างต่อเนื่อง
Ekaphap Duangkaew :งานของสายอาชีพนี้ ผมว่ามันเป็นเรื่องของความเชื่อใจ เริ่มแรกผมได้มีโอกาสไปทำโครงการบ้านจัดสรรค์ในจังหวัดสุราษณ์ธานี ตอนนั้นผมพึ่งทำงานใหม่ๆ คิดว่าเป็นงานที่สองในชีวิตที่ได้ก่อสร้างจริง ผมพยายามเสนอไอเดียใหม่ๆ เเต่ด้วยธุรกิจนี้มันใหม่มาก ก็พยายามปรับ แต่ยังคงความเรียบและให้มีพื้นที่พิเศษในบ้าน  ซึ่งผลที่ออกมามันแตกต่างจากตลาด ทำให้ทั้งโครงการขายหมด หลังจากนั้นเจ้าของโครงการก็ให้ไปที่โครงการต่อมา โครงการนี้ทางเจ้าของให้โอกาสผมเสนอไเดียเต็มที่เพราะเริ่มเชื่อมั่นในตัวผมมากขึ้น ผมทำให้งานมีความเรียบขึ้น มีพื้นที่โถงสูงขึ้น ออกแบบให้เป็นทาวน์โฮมแต่ผนังบ้านไม่ติดกัน

DAYBEDS : ผลงานที่ช่วงนี้กำลังทำ
Ekaphap Duangkaew :ช่วงนี้งานที่ผมกำลังทำคือ สำนักงานเกี่ยวกับปศุสัตว์ที่เพชรบุรี เจ้าของโครงการอยากได้ Head Quarter ที่ใหม่ ที่จะเป็นทั้งสำนักงานแห่งใหม่ ออกแบบจากความประทับใจของมุมมองของบริษัท ที่ให้ความสำคัญกับชีวิตของชาวบ้าน เป็นธุรกิจที่จะเติบโตไปพร้อมๆกับคนกลุ่มนี้ เป็นสถาปัตยกรรมที่เข้าใจชาวบ้าน และสถาปัตยกรรมที่ทำให้บุคลากรในอาคารเข้าใจชีวิตเหล่านี้ได้จริงๆ  เราตั้งคำถามใหญ่ๆว่า ในยุคปัจจุบันนี้ จะมีซักกี่คนที่ ตื่นมาพร้อมเสียงไก่ขัน ได้กลิ่นดินกลิ่นฟาง กลิ่นข้าวเปลือก มองเห็นต้นลำไยหน้าบ้านแล้ว ตั้งตานับวันรอวันที่จะได้กิน หรือเอาไปฝากเพื่อนๆในเมือง ผมเลยทำอาคารที่ทำหลายๆอย่างให้คนรับรู้ถึงสิ่งตรงนั้น อาทิ ออกแบบอาคารที่วางผังแบบเลื่อนไหลไปแบบ ไม่มีระบบแล้วล้อมรอบลาน ทำหน้าที่เป็นที่เลี้ยงหมูหมากาไก่ หรือ ปลูกสวนผลไม้ที่ผสมกับไม้ยืนต้น, สร้างพื้นที่โถงทางให้หลัก ให้เป็นความรู้สึกเหมือนผู้คนได้เข้าไปอยู่ในโรงเลี้ยงไก่ ได้กลิ่นข้าวเปลือก

DAYBEDS : ผลงานสถาปัตยกรรมที่ดีในความคิด และข้อคิดที่ได้จากอาชีพนี้
Ekaphap Duangkaew :ผลงานสถาปัตยกรรมที่ดีคือสิ่งที่ทุกคนเข้าใจ ไม่ใช่แค่บ้าน คอนโด สถาปัตยกรรมคือที่ที่เราเข้าไปอยู่และใช้ชีวิต ผมไม่ได้ออกแบบแค่บ้าน ผมพยายามออกแบบความพอดีให้สอดคล้องกับการใช้งาน ลูกค้าทุกคนจะมีความฝันเก็บเงินมาทั้งชีวิต ซึ่งถือเป็นเงินก้อนที่มีมูลค่า การสร้างสถาปัตยกรรมหนึ่งชิ้นส่งผลต่อการใช้ชีวิต ผมพยายามตั้งคำถามว่าจุดประสงค์ของงานคืออะไร และสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงตรงไหนได้บ้าง

 

Leave A Comment