DOUBLE V SPACE

แก่นความงดงาม แห่งมุมมองอันไร้ขีดจำกัด 

 

Text : Doowoper
Photo : ฉัตรชัย เจริญพุฒ

เพราะการวางตนเสมือนน้ำครึ่งแก้ว คอยมองโลกกว้าง ควานหาการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้กับตัวเองเสมอ จึงไม่แปลกที่หลากหลายผลงานของ “จือ-ณัฎฐา สุนทรวิเนตร์” แห่งบริษัท Double V Space จะกลายเป็นที่พูดถึงและรู้จักกันในวงกว้าง จนฉุดให้เธอขึ้นแท่นนักออกแบบเนื้อหอม ที่ถูกเชิญตัวไปเป็นกรรมการตัดสินการประกวดให้กับแบรนด์ดังต่างๆ รวมถึงวิทยากรให้ความรู้แก่เด็กๆ ในรั้วโรงเรียนและมหาวิทยาลัยอย่างไม่ขาดสาย 

  • เส้นทางชีวิตก่อนก้าวเป็นนักออกแบบ 

เกิดจากสมัยช่วง ม.6 จือสอบชิงทุนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกาค่ะ พอกลับมาเมืองไทยก็ได้รู้จัก Raffles International College Bangkok จากการอ่านหนังสือกราฟิก ดีไซน์เล่มหนึ่ง จึงเกิดความชอบ ก่อนตัดสินใจไปเรียนต่อที่นั่น ซึ่งหลักสูตรปริญญาตรี 3 ปี  เรียนโหดมาก… เพราะเป็นหลักสูตรมาจากออสเตรเลีย ทุกครั้งที่ส่งงาน จะต้องมีการส่งอีเมลไปที่ออสเตรเลีย แล้วนำคะแนนฝั่งโน้นกับฝั่งไทยมาเฉลี่ยกันค่ะ ระหว่างเรียนยังได้มีโอกาสไปฝึกงานบริษัทใหญ่ๆ อย่าง DWP (design worldwide partnership) ด้วยค่ะ หลังเรียนจบได้เพียง 2 วันบริษัท Cancu Studio ก็เรียกตัวไปทำงาน ประสบการณ์ปีกว่าที่นั่น จือได้ทำงานหลากหลายมาก อาทิเช่น โปรเจ็คท์ sale office ที่เมืองซานย่า ประเทศจีน และบ้านตัวอย่างประมาณ 2 หลังของ Land & House 

  • ผลงานที่ท้าทายที่สุดในช่วงเป็นพนักงาน 

sale office ที่ซานย่าค่ะ เป็นโปรเจ็คท์แรก… ในชีวิตเลย ซึ่งจินตนาการฟุ้งมาก คอนเซ็ปท์เป็น Sand Dune เอาฟอร์มมาลดทอนอยากได้ความโค้งเหมือน Zaha Hadid สุดท้ายบอสก็มาช่วยตบๆ ให้อยู่กับความเป็นจริง  จึงทำให้เรียนรู้ว่าการทำงานออกแบบอิงจินตนาการอย่างเดียวไม่ได้ ต้องบาลานซ์เรื่องอื่นด้วย ทั้งด้านธุรกิจ ความเหมาะสมด้านวัสดุ และงบประมาณ แถมโปรเจ็คท์นี้จือต้องพรีเซนท์งานต่อหน้าทีมสถาปนิกจากอเมริกา และลูกค้าจากจีนด้วย เราจึงเตรียมตัวฝึกการพูดมาอย่างหนัก หลังจากพรีเซนท์เสร็จ เจ้านายก็ชมแถมยังมา

กระซิบถามว่า “อยากเรียนภาษาจีนเพิ่มไหม เดี๋ยวส่งให้เรียน” ทำให้เข้าใจเลยว่าภาษานั้นสำคัญมากๆ ฉะนั้นเราเก่งด้านเดียวไม่ได้ ต้องรอบรู้และพร้อมทุกด้านค่ะ

  • Double V Space เกิดขึ้นมาได้อย่างไร 

เกิดมาจากความเชื่อของเพื่อนสนิทที่เห็นงานเราและอยากรวมทีมเป็น Design Solution ค่ะ ซึ่งเป็น Hub รวมทุกบริการด้านดีไซน์ จึงเปิดบริษัทขึ้น 3 บริษัท โดยมี Double V Space เป็นหนึ่งในนั้น สำหรับตอบโจทย์งานด้านการออกแบบตกแต่งภายในค่ะ 

  • หัวใจในการออกแบบคือ   

Double V Space ชื่อนี้ตกผลึกมาจากคำสองคำที่เป็นปรัชญาหรือแนวคิดในการออกแบบของบริษัทค่ะ  คือ “VISION” การมุ่งมั่นนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ผ่านการออกแบบสเปซที่สวยและสง่างามให้แก่ลูกค้า ขณะเดียวกันงานดีไซน์ของเราต้อง “VERSATILE” รังสรรค์ขึ้นให้เกิดประโยชน์แก่การใช้งานอันสูงสุดด้วยเช่นกันค่ะ  

  • หลักการทำงานของ จือณัฎฐา ต้อง 

เชื่อใน sense เชื่อใน Instinct ว่าอันนี้สวยและเหมาะสมกับโปรเจ็คท์ เราจะมีจุดยืนด้านดีไซน์มากมาก คนในทีมจะเข้าใจว่ามาตรฐานจืออยู่ตรงไหนและต้องไปให้ถึง เพราะบอกเสมอถ้างานไม่สวย ไม่สง่า จะไม่มีใครเห็นงานนั้นแน่นอน แต่หากเป็นเรื่องงานบริหาร ต้องพยายามมีสติ ไม่เอาอารมณ์เข้าไปผูกกับงานเลย ทุกการตัดสินใจจะเป็นเหตุผลทั้งสิ้น เรารักทีมมาก มองทุกคนเป็นครอบครัว จึงชอบเห็นทุกคนอารมณ์ดีค่ะ

  • ผลงานที่ทำมีอะไรบ้าง 

ตอนนี้เรียกว่าเปิดมาประมาณ 4 ปีแล้วค่ะ รับงานทั่วประเทศเลย  มีทั้งโรงแรม บ้านตัวอย่าง บ้านพักอาศัย และคลีนิคหลากหลายแบรนด์ ปีที่แล้วมีความคิดอยากเรียนต่อ จึงเจียดเวลาส่งประกวดแบบชิงทุนเรียนโทหัวข้อ Cafeteria Innovation และจือได้ทุนอันดับ 1 สาขา Living Design จากสถาบัน Domus ประเทศอิตาลีค่ะ แต่บังเอิญมีงานโรงแรมเข้ามาสองโปรเจ็คท์ ซึ่งทำให้ตัดสินใจยากมาก… สุดท้ายก็สละสิทธิ์ค่ะ เพราะคิดว่าประสบการณ์ในสนามจริง สอนเราได้เยอะมากๆ ในหลายแง่มุม แถมมีโอกาสได้เรียนรู้กับมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นด้านบริหาร ด้านการขาย ด้านบัญชี และที่สำคัญได้ท้าทายในงานที่สเกลใหญ่ขึ้น นี่ก็ถือเป็นความสำเร็จของเราแล้วล่ะค่ะ แต่ระหว่างนี้จือก็ไม่หยุดเรียนรู้นะ หาเวลาเข้าสัมนาทุกครั้งที่มีดีไซน์เนอร์ดังๆ มาพูด เพราะเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ขอแค่ให้เรามีความใฝ่รู้ และช่างสังเกต เราก็จะสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลาค่ะ

  • โปรเจ็คท์สุดหิน

ความหินของแต่ละโปรเจ็คท์ต่างกันค่ะ ถ้ายากด้านดีไซน์ ต้องงานโรงแรมที่เชียงใหม่ค่ะ ซึ่งนำบ้านไม้ที่สร้างตั้งแต่ปี 2499 มารีโนเวทเป็นล็อบบี้โรงแรมและห้องพักพิเศษ โดยเรามีคอนเซ็ปท์ชัดว่าจะใช้อิฐเสมือนกำแพงเมืองเชียงใหม่มาสร้างเป็นผนังทางเดินก่อนเข้าสู่ห้องพัก พอเขียนแบบเสร็จลูกค้าชอบมาก แต่สร้างจริงไม่ได้! เพราะบ้านไม้ไม่ได้มีการเพิ่มโครงสร้างเพื่อรับน้ำหนักของอิฐ นี่ก็คือความยากที่เราต้องไปตระเวนหาวัสดุทดแทนที่มีน้ำหนักเบามาใช้ และต้องคงคอนเซ็ปท์อิฐเก่าไว้ด้วยค่ะ ถ้ายากด้าน Timeline ต้องคลินิค Alanis ที่ Gaysorn Village เพราะวัสดุนำเข้าเกือบทุกตัว วอลล์เปเปอร์จาก Jim Thompson และหินจาก Stone Surface นำเข้า 60 วัน ซึ่งเราทำงานพลาดกันไม่ได้เลย เพราะวัสดุไม่มีสต็อค แถมวอลล์เปเปอร์หนามาก ไม่สามารถคั่นด้วยทองเหลืองให้เนียนอย่างที่คิดไว้ จึงต้องยอมเสียส่วนหนึ่งเพื่อเรียนรู้ว่าติดแบบไหนถึงเนียนสุด มีการแก้ปัญหาหน้างานตลอดทุกวัน จนเข้าใจถ่องแท้เลยว่าอาชีพดีไซเนอร์คือนักแก้ปัญหาค่ะ แก้ปัญหาให้ได้จึงจะสามารถสร้างมูลค่าให้สเปซนั้นๆ สูงขึ้นได้ค่ะ 

  • ลูกค้าที่ใช้บริการ ส่วนใหญ่รู้จักเราจากช่องทางใด

ปากต่อปากทั้งสิ้นค่ะ จือพูดได้ว่างาน 100% มาจากการบอกต่อของลูกค้าของเรา ซึ่งจือคิดว่ามันทรงพลัง เวลาลูกค้าประทับใจเรามากๆ เพราะไม่ต้องขายงานเองเลย เรายึดคติคือทำงานให้ดีที่สุด งานจะขายตัวมันเอง และล่าสุดก็ได้โปรเจ็คท์คลินิก 6 ชั้น มาจากการ recommend ใน facebook ค่ะ 

  • สิ่งที่ได้จากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา 

สอนให้รู้จักความอดทนค่ะ เราต้องทำงานภายใต้แรงกดดันหลายๆ ฝ่าย ฉะนั้นจึงต้องใจเย็น พยายามเข้าใจคนอื่น เข้าใจว่าทุกคนล้วนต่างมีปัจจัยและปัญหาของตัวเอง เราจึงต้องพยายามปรับตัวตลอดเวลาให้เข้ากับสถานการณ์และคนที่เราเจอค่ะ อย่างชั่วโมงนี้เราประชุมอยู่กับลูกค้าคุยเรื่องธุรกิจเรื่องงบประมาณ อีกชั่วโมงเราต้องไปคุยงานกับผู้รับเหมาหน้างาน บริบทและเนื้อหาก็ต่างกันแล้ว วิธีเข้าชนก็ต่างกัน ประสบการณ์ทั้งหมด คือได้เข้าใจคนตรงหน้ามากขึ้นค่ะ 

  • นอกเหนือจากงานตกแต่งภายใน คุณทำอะไรอีกบ้าง 

ทำหลายอย่างมาก… ค่ะ เริ่มขยับไปทำเฟอร์นิเจอร์ด้วย ตอนนี้มีส่งออกไปที่สวิตเซอร์แลนด์ค่ะ แล้วก็มี Collabs ทำ Collection Jules กับ Supplier หลายเจ้า อยากให้ลองติดตามกัน ระหว่างนี้ก็มีเป็นกรรมการตัดสินการประกวดงานออกแบบของ DM HOME และเป็น Critique Thesis นักศึกษาดีไซน์ของ Northumbria รวมถึงมีไปเป็นวิทยากรตามมหาวิทยาลัยและโรงเรียนต่างๆ ด้วยค่ะ 

  • นักออกแบบสุดปลื้ม

Kelly wearstler เพราะเป็นดีไซเนอร์ที่มีจุดยืนและความเป็นศิลปินในตัวสูง ไม่ได้เอนเอียงไปตามบรีฟต่างๆ ของลูกค้า ตัวตนเขาชัดเจนในทุกๆ งาน ความบ้าระห่ำเรื่อง pattern และสีสันที่จัดจ้านหรือจะเป็น shape และ form ของ furniture ที่แปลกตาและโดดเด่น ดูเข้าถึงยากแต่คนชื่นชมและกล้าที่จะบ้าตาม โรงแรมบูทีค หรือเพนท์เฮ้าส์ราคาแพงก็ให้เขาไปออกแบบ… ความจริงไม่รู้อยู่ได้จริงรึเปล่า แต่จือเชื่อว่าการเสพศิลป์มันข้ามจุดที่ต้องอยู่บน Canvas แล้ว เราสามารถดื่มด่ำไปกับสเปซที่ inspire มากๆ แบบนี้ มันเท่มากๆ เลย!

  • ในปีหน้า คุณคิดว่าอะไรกำลัง Out และเทรนด์อะไรกำลัง in 

ปกติเราไม่ทำงานตามกระแสค่ะ เพราะอยากให้ดีไซน์เราอยู่ได้นานๆ มองอีกสิบปีก็ไม่เบื่อ แต่ความเห็นส่วนตัวเดี๋ยวนี้คนเริ่มกล้าเล่นสีแบบจัดจ้านมากขึ้น สีเขียวเข้มตัดน้ำเงินอะไรแบบนี้ หรือการทาผนังสีแดงแถมย้ำเทพื้น epoxy สีแดงเข้าไปอีก…  ซึ่งเมืองนอกเขาอินมาสักพักแล้ว ส่วนคนไทยก็เริ่มเปิดใจและทำกันมากขึ้น สิ่งที่กำลัง out น่าจะเป็นหินอ่อนค่ะ เพราะตลาดเริ่มอิ่มตัว เริ่มแว่วเสียงบ่นว่าเบื่อกันแล้ว ตอนนี้เลยกำลังเฝ้าสังเกตการณ์กับ terrazzo ว่าจะ out เร็วๆ นี้ รึเปล่า เพราะมีการทำซ้ำกันเยอะมาก

 

เพราะเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ขอแค่เรามีความใฝ่รู้ และช่างสังเกต เราก็จะสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา

 

Leave A Comment