BEE HOUSE

ศิลปะ สายลม และความรัก

 

Text: Doowoper
Photo: ฉัตรชัย เจริญพุฒ
Design: ชลิต นาคพะวัน

 

บ้านเคียงหาดของชลิต นาคพะวันที่ระคนไปด้วยของเก่าของสะสมจากทั่วสารทิศ ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบที่แฝงด้วยพลังแห่งความสดใส เผยการตกแต่งแบบไม่ยึดโยงกับสไตล์ใดๆ แต่ปล่อยแล่นไปตามใจ เสมือนจังหวะการตวัดพู่กันสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงความมีตัวตนอันชัดเจน 

ผมตกแต่งบ้านหลังนี้ขึ้นจากประสบการณ์ และสัญชาตญาณล้วนๆ ไม่ได้มีสไตล์ใดที่ตายตัวทั้งนั้น (หัวเราะ)” แค่เปิดฉากบทสนทนาแรกก็ชวนสนุกและน่าค้นหา เพราะขณะที่ปรายตาไปรอบๆ บ้าน เราสัมผัสถึงความเป็นศิลปินผู้เจนงานด้านศิลปะได้เป็นอย่างดี การจัดวางข้าวของทั้งเก่า-ใหม่ ไล่ลามไปถึงผลงานศิลปะหลากชิ้น ทุกอย่างดูมีเชิงชั้น สามารถสะกดใจให้ผู้มาเยือนมิอาจละสายตาได้เลยทีเดียว 

คุณชลิตนาคพะวันแม้เป็นที่รู้จักดีในฐานะศิลปินผู้มีความสามารถรอบด้านนอกจากเปิดโรงเรียนสอนศิลปะที่กรุงเทพฯรวมถึงเป็นวิทยากร/อาจารย์สอนตามมหาวิทยาลัยต่างๆแล้วงานของเขาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันส่วนใหญ่ยังอุทิศตนช่วยเหลือสังคมหลากหลายด้านมากมายซึ่งล่าสุดร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิช้างที่หัวหินทำกิจกรรมให้คนอาศัยอยู่ละแวกน้ำตกป่าละอูนั้นหันมาใส่ใจและอยู่ร่วมกันกับช้างได้แบบฉันมิตรผ่านการจัดงานในรูปแบบสตรีทอาร์ตซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชุมชนอย่างยิ่ง 

แต่ละช่วงชีวิตความคิดคนเราสามารถเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ การแต่งบ้านก็เช่นกัน ทำได้เรื่อยๆ ไม่มีวันจบหรอก ฉะนั้นอย่าไปยึดติด ขอแค่ให้สนุกไปกับมัน เท่านั้นก็พอแล้ว

สำหรับบ้านที่ชะอำหลังนี้ เป็นของรุ่นพี่ที่สนิทกันครับ เขาชวนมาเที่ยวอยู่บ่อยๆ จนผมเกิดชอบ จึงขอซื้อต่อ ซึ่งเขาไม่ขาย แต่ให้เรามาอยู่และทำอะไรก็ได้ (ฮ่าๆๆ) สุดท้ายเราเกรงใจจึงขอเป็นการเช่าระยะยาวแทน ก่อนมาอยู่เนี่ยกลั่นกรองแล้วว่าต้องจัดการให้มันสวย ให้มีชีวิตชีวา ด้วยความที่ชะอำอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ จึงเหมาะมากที่เราจะดอดมาซุ่มทำงานศิลปะที่นี่ เพราะบรรยากาศนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนพลุกพล่าน แถมชายหาดก็สวยคุณชลิตกล่าวก่อนปูทางเข้าเรื่องการเนรมิตบ้านที่เป็นซิกเนเจอร์ในแบบตนเอง ส่วนคอนเซ็ปท์ของการทำบ้าน มาจากผึ้ง’ !!!” (หยุด พลางยิ้ม พร้อมพูดต่อ) เพราะผึ้งเนี่ยเป็นสัตว์ที่มีเสน่ห์ นอกจากมีสีสันสวยงามยังมีความเป็นเลือดนักสู้ ขยันขันแข็ง แถมยังทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อโลกใบนี้ เพราะรังผึ้ง หรือน้ำผึ้งนำมารับประทาน หรือเป็นยารักษาโรคได้ สรุปง่ายๆ คือผมชอบมัน (ฮ่าๆๆ) เราจึงดึงสีเหลืองดำ มาใส่ไว้เป็นโทนสีหลักของบ้านหลังนี้นั่นเอง 

แต่ถึงคอนเซ็ปท์มาจาก ‘ผึ้ง’ คุณชลิตก็ได้แง้มว่าเขามีการนำรายละเอียดต่างๆ ที่สะท้อนความเป็นอยู่ในแถบชายทะเลมาสอดแทรก ปะปนไปกับเฟอร์นิเจอร์ที่หาซื้อมาจากทั่วทุกสารทิศ รวมถึงชิ้นงานศิลปะฝีมือตนเองและเพื่อนพ้องน้องพี่ ซึ่งแต่ละอย่างถูกนำมาตกแต่งจัดวางโดยมีที่มาที่ไป ภายใต้หลักการมิกซ์แอนด์แมทช์ให้คาบเกี่ยวกันทั้งในแง่ของสีสันและรูปทรง 

นิยามคำว่าบ้านของชลิต ก็ไม่มีอะไรมาก บ้าน คือแก่นแท้ของความอบอุ่น ก้าวเข้ามาแล้วต้องรู้สึกถึงความสบายใจ ข้าวของเครื่องใช้มีจริตถึงความโรแมนติก มองรอบๆ แล้วทำให้เราหวนนึกถึงเรื่องราวที่ประทับใจครับ เช่น เราซื้อของชิ้นนี้มาจากที่ใด เพราะอะไรถึงซื้อมา หรือของชิ้นนี้ใครให้มา และคนที่ให้เรามาเพื่ออะไร ผมว่าแต่ละช่วงชีวิตความคิดคนเราสามารถเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ การแต่งบ้านก็เช่นกัน ทำได้เรื่อยๆ ไม่มีวันจบหรอก ฉะนั้นอย่าไปยึดติด ขอแค่ให้สนุกไปกับมัน เท่านั้นก็พอแล้ว หากปีหน้าชลิตเกิดอยากปลี่ยนสี หรือเปลี่ยนคอนเซ็ปท์ ผมก็ทำเลยคุณชลิตตอบฉะฉานหลังจากเรายิงคำถามถึงคำจำกัดความของคำว่าบ้าน

ถึงแม้ที่นี่มีวิวทะเลสุดปลายตาที่งดงามมีสายลมเย็นคอยโบกพัดวีมีเสียงคลื่นคลอเคลียเหมาะแก่การมาพักผ่อนเป็นส่วนตัวแต่บางโอกาสคุณชลิตก็แบ่งปันความสุขเหล่านี้ให้แก่บรรดาลูกศิษย์ได้มาทำเวิร์คช้อปกันอยู่เรื่อยๆรวมถึงบางครั้งยังเจียดทุนตัวเองและระดมเงินจากเพื่อนๆพาผู้พิการมาเรียนศิลปะอยู่เสมอแถมยังพาไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆในแวกนี้อีกต่างหาก 

ซึ่งพอเรานึกย้อนเรื่อง ‘ผึ้ง’ ที่เขาเล่าให้ฟังแล้ว 

แหม… ช่างเป็นแนวคิดการตกแต่งบ้านที่ลึกซึ้งเป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงนิสัยใจคอของศิลปินที่ชื่อชลิตนาคพะวันได้ถูกเผงซะจริงๆ 

 

Leave A Comment