เอกลักษณ์ไทย ไร้ซึ่งกาลเวลา

Text : Doowoper
Photo : Thaniya

งานหัตถศิลป์อิงความร่วมสมัย  สนองคนรุ่นใหม่ แต่สงวนความเป็นไทยได้อย่างมีเสน่ห์ เน้นการผลิตสร้างคุณค่า ควบคู่ไปกับการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน 

ด้วยความที่เป็นคนรุ่นใหม่หัวก้าวหน้า บวกกับมีความสนใจทางด้านศิลปะ หลังเรียนจบจากประเทศอังกฤษ ในปี 2555 ‘ฐาณิญา เจนธุระกิจ’ จึงกลับมาต่อยอดกิจการของครอบครัว พลิกผันธุรกิจรับจ้างผลิตเครื่องหอมทั่วไป (OEM) สู่การสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นอย่างจริงจัง 

ซึ่งใครจะรู้ว่าก้าวสำคัญครั้งนั้นทำให้ทุกวันนี้แบรนด์ Thaniya กลายเป็นที่รู้จักในตลาดเอเชียและยุโรปเป็นอย่างดี แถมยังได้รับรางวัล Thailand Top SME Award 2018 ที่ผ่านมา  

โดยจุดเปลี่ยนที่ทำให้แบรนด์เดินหน้าไปในทิศทางที่ดี เกิดจากที่เธอปิ๊งไอเดียในการนำเครื่องเบญจรงค์ (ที่มักนิยมวางตั้งโชว์) มาเป็นบรรจุภัณฑ์ใส่เทียนหอม สร้างความต่างด้วยการบิดความคิดใหม่ ใส่ซิกเนเจอร์ตัวเองผ่านการออกแบบลดทอนลายเส้นของเครื่องลายครามลง และนำรูปทรงเรขาคณิตมาผสมผสาน สร้างให้เกิดกลิ่นอายแบบ Modern Contemporary ได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่คลิกกับคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

แถมบางไอเทมมีการเลือกใช้เฉดสีเขียวและดำ มารังสรรค์ทำเป็นลวดลายทูโทนบนเครื่องเคลือบขาว เผยมุมมองแปลกตาไม่เบา ขณะเดียวกันภายใต้ความงามติดปีกความร่วมสมัยของแบรนด์ Thaniya ยังแฝงไปด้วยคุณค่าของงานหัตศิลป์ไทยไว้เต็มเปี่ยม เพราะใช้เทคนิคการวาดลวดลายด้วยมือทั้งสิ้น 

ดังนั้นสินค้าแต่ละชิ้นจึงล้วนแต่ผ่านทักษะที่มาจากประสบการณ์ของช่างฝีมือของแต่ละคน ก่อให้เกิดความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบไม่ซ้ำใคร

นอกจากนี้เทียนหอมของแบรนด์ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้งาน เพราะทำมาจากถั่วเหลือง ผสานกับกลิ่นดอกไม้และสมุนไพรไทย ที่พอละลายแล้วยังสามารถใช้ประโยชน์โดยการนำมานวดตัวเพื่อปรนนิบัติผิวให้ดูชุ่มชื้นได้ เรียกว่าเป็นแนวทางที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้คุ้มค่า กลายเป็นของฝากหรือของที่ระลึกที่เป็นแบบอย่างอันน่าชื่นชมทีเดียว

และหลังจากผลิตภัณฑ์เครื่องหอมจะได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดีแล้ว Thaniya ก็ยังไม่หยุดพัฒนา ทยอยสร้างสรรค์ผลงานคอลเลคชั่นใหม่ๆ ขึ้นทุกๆ 3 เดือน มีการนำเสนอทั้งผลิตภัณฑ์ของใช้และของตกแต่งบ้านให้เลือกสรรมากมาย โดยปัจจุบันมีวางจำหน่ายที่ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม, เทอร์มินอล 21 (ทั้งสาขากรุงเทพฯ สาขาพัทยา), สยามพารากอน และเซ็นทรัล ฯลฯ  แถมมีลูกค้าจากต่างประเทศซื้อไปวางจำหน่ายทั้งในเอเชียและยุโรป 

ที่สำคัญแบรนด์นี้ยังมีส่วนช่วยในการกระจายความรู้และรายได้ไปสู่ชุมชนไม่น้อย (ประมาณ 4-5 ชุมชน) เพราะไม่เพียงร่วมมือกับชุมชนงานเซรามิกเท่านั้น แต่ยังแตกไลน์สินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ของตัวเอง พร้อมกับดึงชุมชนงานฝ้ายและงานไหม มาร่วมสืบสานสินค้าไทยภายใต้แนวคิดร่วมสมัยเพิ่มมากขึ้น

รวมถึงเป็นแบรนด์ที่มองการณ์ไกล ขยันนำผลงานไปจัดแสดงในงานใหญ่ๆ ระดับประเทศเป็นประจำ แถมล่าสุดตบเท้าเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับโลกอย่าง Salone del Mobile 2019 ณ ประเทศอิตาลี ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาอีกด้วย


 

Leave A Comment