KEEP CALM AND START REVOLUTION

a

ปฏิวัติทุกกรอบของอาหารเพื่อสุขภาพ
และคงไว้ซึ่งเสน่ห์ของอาคารเก่าที่ปรับปรุงใหม่

Text: นวภัทร ดัสดุลย์
Photo: ฉัตรชัย เจริญพุฒ
Interior Design: กฤษฎา แสงอรุณไพศาล, ธิติ อมรพัชระ และชาญชัย บริบูรณ์

‘Vegetables will change your life’ คือคำนิยามของ Broccoli Revolution ร้านอาหารที่ปฏิวัติทุกเมนูให้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพโดยปราศจากเนื้อ นม ไข่ ใช้ผักออร์แกนิคสดๆ ปลอดสารพิษและถั่วนานาชนิดมาเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงรส ฉีกกรอบของอาหารเจและมังสวิรัติไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเจ้าของร้านผู้ทำการปฏิวัตินี้คือ คุณหนู-ณยา เอียร์ลิคซ์-อาดัม เธอเปิดธุรกิจร้านอาหารอยู่ในเมียนมาร์และเวียดนามมานานกว่า 15 ปี ก่อนจะกลับเมืองไทยมาเปิดร้านอาหารเพื่อคนรักสุขภาพแห่งนี้ เพราะเธอเองก็เป็นคนชอบดื่มน้ำผักเป็นทุนเดิม ปรากฏว่าสามเดือนผ่านไปกระแสตอบรับเป็นไปได้ด้วยดี แม้กระทั่งเธอเองก็ไม่คาดคิดมาก่อน

“ทุกเมนูเราคิดมาจากความชอบ” เธอยิ้มพร้อมเล่าปณิธาน “เมื่อก่อนทำงานอยู่การท่องเที่ยว ได้เดินทางเยอะ ไปทานอาหารที่ไหนชอบอะไรก็จะจดๆ ไว้ พอเรามาเปิดร้านอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ เราก็มานั่งคิดว่าเมนูไหน ประเทศไหนที่เราชอบกินแล้วไม่มีเนื้อสัตว์ เราไม่ได้ทำเป็นมังสวิรัติ หรือเจ กินผักก็กินผักไปเลย รู้ว่ากินอะไรไม่ต้องหรอกตัวเอง คือถ้าอยากกินข้าวหน้าเป็ดก็ไปกินข้าวหน้าเป็ด อย่ามากินแบบนี้ โดยส่วนตัวนะคะแล้วแต่คนชอบ”

“ตอนแรกคิดว่าจะทำแค่ร้านขายน้ำผักเฉยๆ แต่ว่าเราผ่านตึกนี้ เราเห็นตึกนี้มานานแล้วค่ะ พอเราเข้ามาดูแล้วรู้สึกดีกับตึกนี้ แต่พอดีมันต้องรีโนเวทเยอะมาก ก็เลยชวนคุณตั้ม เป็นสถาปนิก แล้วก็คุณม่อน กับคุณบุบ เป็นอินทีเรียดีไซเนอร์มานั่งคุยกัน 4 คน ว่าต้องการรักษาอาคารให้คงสภาพเดิมไว้มากที่สุด เพราะร้านอาหารเราเป็นธรรมชาติ การตกแต่งก็ไม่ควรต้องมาเฟกอะไรมากให้มันเป็นเทรนดี้เกินไป”

bโครงสร้างอาคารเดิมยังคงถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี โดยเฉพาะเสาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของธนาคารเก่า


dตรงกลางของอาคารสะดุดตาด้วยหลอดไฟไส้เอดิสันสไตล์วินเทจ และโคมไฟแขวนเพดานสไตล์อินดัสเทรียล-ลอฟต์ ที่เข้ามาเพิ่มความน่าสนใจอยู่ท่ามกลางเฟิร์นสไบนางที่แขวนละโยงละยาง


สำหรับทีมออกแบบและตกแต่งภายในของร้าน Broccoli Revolution รับหน้าที่โดยคุณตั้ม-กฤษฎา แสงอรุณไพศาล, คุณม่อน-ธิติ อมรพัชระ และคุณบุบ-ชาญชัย บริบูรณ์ ร่วมมือกันรีโนเวทอาคารตรงหัวมุมปากซอยสุขุมวิท 49 หลังนี้ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีเคยเป็นที่ตั้งของธนาคารกรุงไทยมาก่อน โดยทีมออกแบบสามคนพร้อมด้วยคุณหนูตั้งใจปรับโฉมให้เป็นร้านอาหารสไตล์อินดัสเทรียล-ลอฟต์ เธอเล่าต่อไปว่าตอนแรกคิดจะทุบบางอย่างออกไป แต่สุดท้ายตัดสินใจเลือกเก็บเอกลักษณ์บางสิ่งจากโครงสร้างเดิมที่เป็นอาคารเก่าอายุมากกว่า 30 ปีเอาไว้ เช่น พื้นไม้บนชั้นสอง และเสาอาคาร เป็นต้น เบรกความดิบด้วยธรรมชาติโดยการตกแต่งสวนภายในอาคาร นำต้นเฟิร์นสไบนางมาประดับละโยงละยางอย่างมีชีวิตชีวา

ทว่าการปรับปรุงอาคารเก่าครั้งนี้ของคุณหนูเปรียบเสมือนการเรียนรู้ไปในตัวเช่นกัน เพราะการดูแลรักษาสภาพความมีชีวิตชีวาของต้นไม้ภายในอาคารให้คงอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเสียทีเดียว โดยเฉพาะเฟิร์นสไบนาง “ตอนแรกมีออปชั่นว่าทำเป็นต้นไม้ปลอมไหม แต่เราไม่ชอบต้นไม้ปลอม” คุณหนูอธิบาย “การดูแลทำยากเหมือนกัน เรามีระบบรดน้ำตีห้ากับห้าทุ่มน้ำจะลงทุกวัน เพราะตั้งออโต้ไว้ มันจะไม่เหมือนกับเรารดเอง บางต้นน้ำลงไม่เยอะอาจทำให้ตาย แต่ว่าทุกๆ สามเดือนจะเอาเขาไปเนอร์สที่บ้าน เอาเขาไปออกแดดบ้าง เราเพิ่งเปิดได้สามเดือนจะรู้ว่าเขาอยู่ได้นานแค่ไหน แต่คิดว่าตอนนี้เขาไม่ค่อยแฮปปี้แล้ว ต้นไม้บางต้นทุกๆ สามเดือนน่าจะเปลี่ยนต้นเอาไปไว้ที่บ้าน แล้วพอดีขึ้นก็เอากลับมา เหมือนมันเป็นการลงทุนสองรอบนะ ต้องเซ็ตแต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ”

c
หมอนอิงสีพาสเทลเขียวอ่อนเข้ากันได้ดีกับผนังก่ออิฐโชว์แนว


iบริเวณชั้นลอยของร้าน


ระหว่างเรากำลังนั่งสนทนากันนั้นเมนู Black Quinoa avocado salad ก็ถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ “เมนูใหม่เลยค่ะ ร้านนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเนื้อสัตว์ ไม่มีไข่ ไม่มีนม เมนูนี้มีแค่คีนัวสามสี แดง ขาว ดำ อะโวคาโด มะเขือเทศ แตงกวา และน้ำสลัด” คุณหนูให้รายละเอียด “ผลไม้กับผักที่มันสดมีความอร่อยของมันเอง ไม่ต้องทำอะไร ครัวที่นี่เหมือนอยู่บ้านแล้วแม่ทำให้ทาน ทุกอย่างทำเองสดๆ ง่ายๆ เพียงแต่ว่าเวลาหาผักออร์แกนิกสดๆ มันจะหายากหน่อย โจทย์ที่ไม่มีไข่ ไม่มีเนย ไม่มีนมเนี่ยยาก เพราะอย่างสลัด น้ำต้องทำจากไข่แต่ว่าเราใช้ทุกอย่างเป็นถั่วแทน เช่น อัลมอนต์ มะม่วงหิมะพาน” ได้ชิมแล้วบอกได้คำเดียวว่าหวาน มัน อร่อยกว่าทีคิดไว้ ‘Vegetables will change your life’ จริงๆ

e
พื้นไม้โบราณบนชั้นสองมีการใช้เหล็กมาช่วยค้ำยันเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้พื้น
สำหรับรองรับน้ำหนักของคนที่จะมาเยี่ยมชมแกลเลอรีในอนาคต


hระเบียงเอาต์ดอร์เดิมทีเป็นห้องทำงานเก่าได้ทุบผนังเดิมทิ้ง
พร้อมติดบานหน้าต่างกระจกและปลูกสวนแนวตั้งบนผนัง
เพื่อลดความแข็งกระด้างของแนวอิฐแบบดิบเปลือย


ระหว่างลิ้มรสชาติการปฏิวัติอารหารเพื่อสุขภาพ เราลองชายสายตามองไปรอบๆ ร้านอาหารที่มีชั้นลอยและระเบียงแบบเอาต์ดอร์คลอเคลียไปกับความดิบของโครงสร้างด้วยความฉงนปนความสงสัย เราถามคุณหนูว่าบนชั้นสองที่เป็นพื้นไม้ค้ำด้วยโครงสร้างเหล็กนั้นเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันกับ Broccoli Revolution ด้วยหรือไม่ “เป็นห้องโล่งที่จะเปิดเป็นอาร์ตสเปซในอนาคต ราวเดือนมกราคมปีหน้า” เธอให้คำตอบ โดยอาร์ตสเปซแห่งนี้คุณหนูร่วมกับหุ้นส่วนของร้าน Broccoli Revolution คือคุณฟ้าใส-มณิภา ไชยวัณณ์ สร้างเป็นหอศิลป์ส่วนตัวเพราะคุณหนูเองก็เป็นนักสะสมงานศิลปะด้วยเช่นกัน จึงอยากสร้างสรรค์ให้ตึกนี้เป็นเรื่องของสุขภาพ ศิลปะ และการร่วมทำเวิร์กช็อปเสมือนเป็นสถานที่ทำกิจกรรมของชาวสุขุมวิท อีกทั้งยังบอกอีกว่าบนชั้นดาดฟ้าเธอยังจะสร้างเป็นคอมมิวนตี้การ์เด้นเล็กๆ หรือสวนผักปลอดสารพิษสำหรับแจกจ่ายให้ชาวบ้านในละแวกนี้ที่สนใจการกินผักเพื่อสุขภาพด้วยเช่นกัน

“15 ปี เราทำร้านอาหารสองร้านมันพอแล้วล่ะ พูดเหมือนจะไปบวชนะ แต่ว่ามันดีกว่าเราเน้นธุรกิจมากเกินไป” แน่วแน่ ชัดเจน และตรงไปตรงมา การปฏิวัติของเธอไม่เพียงสร้างเสน่ห์ให้อาหาร ทว่ายังคงสร้างเสน่ห์ให้อาคารเก่าหลังนี้เกิดพลังงานอย่างล้นเหลือกว่าที่คาดเอาไว้เยอะมากจริงๆ ติดตามตอนต่อไปราวเดือนมกราคมปีหน้า

“ตอนแรกคิดว่าจะทำแค่ร้านขายน้ำผักเฉยๆ แต่ว่าเราผ่านตึกนี้ เราเห็นตึกนี้มานานแล้วค่ะ พอเราเข้ามาดูแล้วรู้สึกดีกับตึกนี้ แต่พอดีมันต้องรีโนเวทเยอะมาก ก็เลยชวนคุณตั้ม เป็นสถาปนิก แล้วก็คุณม่อน กับคุณบุบ เป็นอินทีเรียดีไซเนอร์มานั่งคุยกัน 4 คน ว่าต้องการรักษาอาคารให้คงสภาพเดิมไว้มากที่สุด เพราะร้านอาหารเราเป็นธรรมชาติ การตกแต่งก็ไม่ควรต้องมาเฟกอะไรมากให้มันเป็นเทรนดี้เกินไป” ณยา เอียร์ลิคซ์-อาดัม

f

Contact: Broccoli Revolution
899 ถนนสุขุมวิท ซอย 49 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพ 10110
เปิดบริการทุกวัน 7.00-22.00 น. โทร.0-2662-5001

Leave A Comment