CHURCH OF OUR LADY, BRUGGE


สมบัติล้ำค่าแห่งบรูก

Text & photo: Athi A.

Brugge หรือ บรูก เป็นเมืองหลวงของมณฑลฟลานเดอร์ตะวันตก ราชอาณาจักรเบลเยี่ยม ได้รับการประกาศเป็นเมืองมรดกโลกทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 นอกจากจตุรัสกลางเมืองที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามโดดเด่นอย่างมากแล้ว บรูกยังมีโบสถ์ขนาดใหญ่ Church of our lady (Onze Lieve Vrouwekerk) อีกหนึ่งสถาปัตยกรรมที่สร้างจากอิฐอันงดงาม มีหอคอยที่สูงถึง 122.3 เมตร นับเป็นหอคอยอิฐที่สูงเป็นอันดับสองของโลก สามารถมองเห็นได้ไกลนับกิโลเมตรจากทั่วทั้งเมือง ใช้เวลายาวนานกว่า 2 ศตวรรษในการก่อสร้าง โดยเริ่มสร้างในศตวรรษที่ 13 จนแล้วเสร็จในศตวรรษที่ 15

เช่นเดียวกับสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ของบรูกที่สร้างมาตั้งแต่สมัยยุคกลางโบสถ์แห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยสไตล์นีโอโกธิคที่ทำจากอิฐลักษณะที่เด่นชัดคือการก่อกำแพงอิฐทึบขึ้นไปจนเต็มพื้นที่ความสูงมักมีการเหลื่อมระนาบให้ลึกเข้าไปเล็กน้อยเป็นซุ้มโค้งปิดทึบหรืออาจเป็นแบบโค้งยอดแหลมหรือโค้งทรงTrefoli (โค้งที่เกิดจากส่วนวงกลม 3 วงคล้ายส่วนบนของทรงดอกจิก) สถาปัตยกรรมรูปแบบนี้นิยมเรียกอีกชื่อว่าTravée Brugeoise ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า‘ยุคของบรูก’ นั่นเอง

นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดเวียนของหอคอยโบสถ์เพื่อขึ้นไปชมทิวทัศน์อันงดงามของจตุรัสแห่งบรูกได้ส่วนภายในโบสถ์นั้นก็เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าที่โดดเด่นคือสุสานบรอนซ์สมัยศตวรรษที่ 16 ของดยุคแห่งเบอร์กันดีนามว่าCharles the Bold สมาชิกคนสุดท้ายของราชวงศ์วาลัว (Valois Duke of Burgundy) และบุตรีของเขาแมรีแห่งเบอร์กันดีและที่ได้รับความนิยมที่สุดจะพลาดไม่ได้เลยคือประติมากรรมหินอ่อนสีขาวฝีมือของประติมากรชื่อก้องโลกชาวอิตาเลียนMichelangelo ที่แกะสลักเป็นรูปพระแม่มารีและพระเยซูวัยเยาว์ (Madonna and Child)  รูปสลักชิ้นนี้สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1504 นับเป็นงานเพียงชิ้นเดียวของมิเกลลันเจโล (Michelangelo) ที่ถูกนำออกมาจากอิตาลีในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ซึ่งถูกซื้อมาโดยJan van Mouskroen และบริจาคให้กับโบสถ์เมื่อปีค.ศ.1506

นอกจากนี้ภายในยังมีงานศิลปะชิ้นอื่นๆที่น่าสนใจเช่นภาพเขียนสีน้ำมันสไตล์บาโรคCrucifixion of Christ (ภาพตรึงกางเขนของพระเยซู) ฝีมือของSir Anthony van Dyck จิตรกรยุคRenaissance ชาวเฟลมมิชคนสำคัญประจำราชสำนักพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษรวมถึงแท่นนักเทศน์สไตล์รอคโคโคที่สุดจะหรูหราออกแบบโดยศิลปินชาวบรูกJan Antoon Garemijn ในปีค.ศ.1743

ด้านหลังของโบสถ์จะมีคลองขนาดเล็กที่เงียบสงบบ้านเรือนฝั่งตรงข้ามคลองนั้นงดงามเต็มไปด้วยสเน่ห์ของยุคกลางจะมีสะพานหินที่ทั้งเล็กและแคบแต่มีชื่อเสียงมากชื่อว่าSt. Bonifacius Bridge ที่สร้างขึ้นเมื่อปีคศ.1910 เมื่อข้ามสะพานไปจะพบคอร์ทArentshof of ‘t Arentspark บริเวณนี้เป็นสวนขนาดเล็กมีเก้าอี้สาธารณะรูปปั้นเสาหินและมักจะมีนักดนตรีเปิดหมวกมาสีไวโอลินหรือเล่นกีตาร์เบสโปร่งสร้างบรรยากาศน่าเพลิดเพลิน

ขณะนี้ Church of our lady อยู่ในระหว่างการบูรณะครั้งใหญ่ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ต้นปีค.ศ.2014 และคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการจนแล้วเสร็จรวม 2 ปีระหว่างนี้ทางโบสถ์สามารถเปิดให้เข้าชมได้เพียงบางส่วนเท่านั้นโดยลดราคาค่าเข้าชมลงครึ่งหนึ่งตรวจสอบวันเวลาเปิด-ปิดและอัตราค่าเข้าชมได้ที่ https://bezoekers.brugge.be/en/onze-lieve-vrouwekerk-church-of-our-lady

 

 

Leave A Comment