OPEN HOUSE / KLEIN DYTHAM ARCHITECTURE

OPEN HOUSE
บ้านสำหรับนักคิด นักสร้างสรรค์

เปิดบ้านต้อนรับผู้คนหลากหลายให้แวะไปเยี่ยมเยียนตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สำหรับ OPEN HOUSE Co-Living Space ที่เป็นมากกว่าร้านหนังสือธรรมดา แต่ยังเปรียบเสมือนบ้านหลังใหญ่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และไอเดียอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

OPEN HOUSE เกิดขึ้นจากความตั้งใจของคุณบรม พิจารณ์จิตร กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ที่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตของผู้คน โดยอยากจะให้สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่แห่งความสุขที่ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ โดยมอบหน้าที่ในการดูแลเรื่องการดีไซน์ให้กับ Astrid Klein สถาปนิกและดีไซเนอร์ แห่ง Klein Dytham architecture (KDa) ผู้อยู่เบื้องหลังงานดีไซน์อันโดดเด่น อย่าง โครงการ Daikanyama T-Site ในการออกแบบออฟฟิศสวยๆ ให้กับ Youtube, Google และอาคาร Ginza Place โดยในการทำงานครั้งนี้ KDa คำนึงถึงความโปร่งสบายเป็นหลัก โดยได้ออกแบบเพดานให้มีความสูงถึง 6 ฟุต ซึ่งนับเป็นเพดานที่สูงที่สุดในศูนย์การค้า และใช้กระจกสูงรอบด้านตัวอาคารเพื่อทลายความรู้สึกทึบและกรอบของพื้นที่ เปิดรับแสงธรรมชาติด้วยรูฟโปร่งแสง และวิวกรุงเทพฯ แบบ 360 องศา พื้นที่ส่วนใหญ่เน้นการใช้สอยได้จริงอย่างคุ้มค่า อิงความเป็นธรรมชาติด้วยการเลือกใช้วัสดุไม้ฉลุจัดวางสลับสับหว่างเป็นลวดลายต่างๆ เพดานถูกแต่งแต้มไปด้วยใบไม้ที่ได้ศิลปินพื้นถิ่นไทยเพ้นท์มือเองทุกใบ เรียบง่ายแต่มากไปด้วยรายละเอียด

ด้วยการใช้โทนสีสบายตาอย่างสีขาว และความตั้งใจที่อยากให้ตัวเพดานมีความสูงถึง 6 ฟุตทำให้ OPEN HOUSE ดูโปร่งสบาย คล้ายอาคารสร้างใหม่มากกว่าพื้นที่ภายในห้างสรรพสินค้า

บรรยากาศของ OPEN HOUSE ภายใต้การออกแบบของ KDa

OPEN HOUSE เกิดขึ้นจากความตั้งใจของคุณบรม พิจารณ์จิตร กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ที่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตของผู้คน โดยอยากจะให้สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่แห่งความสุขที่ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่

พื้นที่ทั้งหมดภายใน ถูกจัดสรรตามความต้องการที่แตกต่างของคนทุกสไตล์ แบ่งออกเป็น 8 โซน เริ่มต้นด้วยคออาหารและขนมกับโซน Eating Deck ที่รวบรวม 12 ร้านชื่อดังในรูปแบบ Semi-service อาทิ Bao and Buns, Broccoli Revolution Embassy, Movenpik, Muteki by Mugendai และโซน Eat by the Park ที่มี Open Balcony ในรูปแบบ Full Service ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม อาทิ ร้านอาหารฟิวชั่น Lady Nara และร้านพิซซ่า Peppina

เอาใจนักอ่านด้วยโซน Open House Bookshop by Hardcover ที่คุณเชน สุวิกะปกรณ์กุล เจ้าของร้าน คัดเลือกหนังสือหายากภายใต้คอนเซ็ปต์ Celebration of Print Culture ที่พร้อมให้คุณได้เปิด หรือหยิบขึ้นมาอ่านในรูปแบบของ Book Tower และ Book Wall เต็มพื้นที่ศูนย์การค้า

สำหรับคอศิลปะเราขอแนะนำโซน Art Tower สำหรับจัดแสดงผลงานศิลปะ สำหรับศิลปินไทยและต่างประเทศโดยจะเวียนนำงานมาแสดงให้ชมในหลากรูปแบบในอนาคต รวมถึงอุปกรณ์สินค้าแนว Archival Supplies สำหรับผู้ที่ต้องการไอเดียต่อยอดงานศิลปะในสไตล์คุณเองด้วย โซน Design Shop ร้านที่อุดมไปด้วยสินค้าอันเกิดจากการผสมผสานเอกลักษณ์ของท้องถิ่นเข้ากับดีไซน์ร่วมสมัย ภายใต้คอนเซ็ปต์ Thai Region Product และสินค้าการันตีรางวัลจาก Good Design Award และสินค้าจากการระดมทุนสาธารณะ (Crowd Funding)

พื้นที่พักผ่อนของคนรักงาน โซน Co-Living Space ที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันและใส่ใจรายละเอียดต่างๆ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และไอเดียใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นตลอดเวลา แบ่งพื้นที่สำหรับจัดประชุม ทำงานเป็นทีม หรือ ทำงานคนเดียว นอกจากนี้ภายในโซนนี้ยังมี Open Bar ที่พร้อมเสิร์ฟขนมขบเคี้ยว อาหาร เครื่องดื่มค็อกเทลและแอลกอฮอลล์อีกด้วย

และ 2 โซนสุดท้าย Open Playground สนามสำหรับเด็ก ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเครื่องเล่นต่างๆ ที่จะเสริมสร้างทักษะการเคลื่อนไหวของร่างกาย อีกทั้งกิจกรรมเวิร์คชอปต่างๆ ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับครอบครัว และโซน Diplomat Screens Embassy by AIS โรงภาพยนตร์ระดับวีไอพีที่ดีที่สุดในไทย ที่พร้อมให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การชมภาพยนตร์ระดับเวิล์ดคลาส และโปรแกรมที่เรียกว่า “ภัณฑารักษ์ภาพยนตร์” หรือ Movie Curator ที่จะทำหน้าที่ให้บริการฉายภาพยนตร์ตามความต้องการเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง เรียกว่าในทุกรายละเอียดภายใต้บ้าน OPEN HOUSE ชั้น 6 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี หลังนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจในการสร้างไอเดีย ที่พร้อมเปิดประตูให้คุณก้าวไปค้นหาความหมายของการใช้ชีวิตแบบคนเมืองรุ่นใหม่อย่างแท้จริง

KDa จงใจใช้กระจกสูงรอบด้านตัวอาคารเพื่อทลายความรู้สึกทึบและกรอบของผนัง

เปลี่ยนร้านหนังสือที่คุ้นตา ให้แปลกใหม่ ดึงสุนทรียะในการเสพย์ตัวหนังสือให้เพิ่มขึ้นด้วย Book Tower และ Book Wall

อิงความเป็นธรรมชาติด้วยการเลือกใช้วัสดุไม้ฉลุจัดวางสลับสับหว่างเป็นลวดลายต่างๆ ส่วนเพดานถูกแต่งแต้มไปด้วยใบไม้ที่ได้ศิลปินพื้นถิ่นไทยเพ้นท์มือเองทุกใบ เรียบง่ายแต่มากไปด้วยรายละเอียด

ผลงานศิลปะในโซน Art Tower ถูกคัดสรรมาเป็นพิเศษ ซึ่งในอนาคตจะถูกหมุนเวียนสับเปลี่ยน

เพราะแสงตามธรรมชาติเหมาะสมที่สุดในการอ่านหนังสือ Open House จึงออกแบบรูฟท็อปแบบโปร่งแสงเพื่อดึงแสงในตอนกลางวันมาใช้ และปรับแสงในตอนกลางคืนให้เหมาะแก่การอ่านหนังสือมากที่สุด จะนั่ง จะเอนกายชิว หรือจะกินขนมชมวิวเพลินๆ ที่ OPEN HOUSE มีครบครันทุกความต้องการ