LIFE IN MONOCHROME

01

 พื้นที่ขาวดำกับชีวิตที่ลงตัวของคนสองคน 

จากหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมของ คุณแจ๋-สรชัช ศรีลมูล Senior Manager Credit Card Business ‘เคทีซี’ หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ คุณกานต์ วงศ์มณี สจ๊วตผู้รักในการสะสมของเก่าและการจัดสวน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใช้สอยที่ต้องมีฟังก์ชันตามความต้องการของพวกเขา ตลอดจนมีทำเลที่ตั้งเหมาะสมสำหรับการเดินทางไปทำงานได้อย่างสะดวกสบาย

คุณแจ๋บอกว่า “ถ้าหากต้องย้ายกลับมาอยู่คอนโดมิเนียมอีกครั้ง ต้องมีระเบียงที่กว้างพอสำหรับจัดสวน” ซึ่งนั่นเป็นความต้องของคุณกานต์ ถึงแม้จะเป็นโจทย์ที่ไม่ง่ายนักสำหรับการหาคอนโดที่มีระเบียงกว้างพอจัดสวนกลางกรุง แต่แล้วพวกเขาก็ได้พบคอนโดมิเนียม 2 ห้องนอน ใจกลางย่านอโศก ที่ลงตัวสำหรับการใช้ชีวิตในท้ายที่สุด

“เราอยู่บ้านมาก่อน พอต้องกลับมาอยู่คอนโดฯ เรารู้สึกว่ามันต้องมีพื้นที่ปลูกต้นไม้” คุณกานต์ย้ำความต้องการให้เราฟังอีกครั้ง

“ก่อนจะมาอยู่ตรงนี้เราอยู่มาหลายที่มาก ตรงนี้น่าจะเป็นที่ที่ 4 แล้ว” คุณแจ๋กล่าวเสริม พร้อมพาเดินชมมุมต่างๆ ภายในห้องที่ตกแต่งในโทนสีขาวดำจนทั่วทุกมุม “เราเคยอยู่คอนโดฯ มาก่อน เป็นพื้นที่เล็กๆ ตามสไตล์คอนโดฯ ในเมืองที่ไม่ได้มีพื้นที่เยอะ แต่กานต์เขาเป็นคนชอบแต่งสวน เขาอยากได้พื้นที่ใหญ่ขึ้นก็เลยไปได้บ้านอยู่แถวประชาชื่น มีพื้นที่กว่า 100 ตารางวา ให้กานต์ได้จัดสวนทำเต็มที่ แต่เผอิญว่าเรามีทั้งคอนโดฯ และก็บ้านเลยต้องเดินทางดูแลทั้งสองที่พร้อมกัน อีกอย่างเราแทบไม่ได้ใช้พื้นที่ที่มีอยู่ในบ้านอย่างเต็มที่ เราก็เลยคิดว่าบ้านมันใหญ่เกินไปสำหรับเรา เลยมองหาคอนโดมิเนียมใหม่ที่ลงตัวกับเราทั้งคู่สำหรับเดินทาง”

เราเป็นคนชอบห้องมุมอยู่แล้ว เพราะจะไม่มีอีกห้องหนึ่งมาคั่น กานต์บอกเลยว่าถ้าเกิดจะมีคอนโดฯ ต้องมีระเบียงที่เยอะพอให้เขาทำสวน ซึ่งที่นี่มีระเบียง 3 ด้าน ตรงห้องนั่งเล่น ห้องนอนมาสเตอร์ และห้องนอนรับแขก อีกอย่างคือเราอยากหาความใหม่จากที่เคยอยู่คอนโดฯ Low-Rise มาก่อน เราลองมาอยู่ที่สูงหน่อยจะได้เห็นวิวที่กว้างขึ้น ซึ่งในวันที่ฟ้าโปร่งจากตรงนี้มองออกไปเราสามารถเห็นไปถึงลานพระบรมรูปทรง ม้า และพระที่นั่งอนันตสมาคม แล้วในอนาคตก็จะมีโครงการคอมเพล็กซ์เกิดขึ้นข้างๆ คอนโด ทำให้เราอยู่ใกล้ความสะดวกสบายมากขึ้นก็เป็นเหตุผลหนึ่ง เพราะการซื้อคอนโดฯ มันเป็นเรื่องของการลงทุนด้วย แต่ในเหตุผลหลักๆ แล้วเป็นเรื่องการอยู่อาศัยมากกว่า

ส่วนห้องครัวเชื่อมต่อกับส่วนนั่งเล่น เน้นคุมโทนสีขาวดำทั่วพื้นที่ ฝั่งครัวติดวอลล์เปเปอร์ลายทางไว้ที่ผนังผสานไปกับการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว เช่น ตู้เย็น ไวน์เซลลาร์ โต๊ะขาเหล็กชุบโครเมียมวางท็อปหินอ่อนสีดำ ฝั่งมุมนั่งเล่นประดับภาพโมนาลิซ่าและก่อผนังเพิ่มขึ้นมาราว 1 ฟุต จากกรอบรูปเพื่อสร้างความสมดุลให้กับมุมนั่งเล่นขณะที่ด้านหน้าประตูทางเข้าห้องนอน กรุกระจกเงาแทนที่ประตูห้องน้ำเดิมที่ย้ายเข้าไปในส่วนของห้องรับแขก และเป็นที่ตั้งของโต๊ะวางพระพุทธรูป ที่คุณกานต์ออกแบบและสั่งทำขึ้นพิเศษ

ครัวเดิมของโครงการถูกปรับโฉมใหม่โดยอาศัยแรงบันดาลใจจากการดูแมกกาซีนของ คุณกานต์ โดยบิลต์อินเคาน์เตอร์และกรุกระเบื้องสีขาว รวมถึงติดกระจกสีดำที่ได้ขนาดพอดีกับขนาดของตู้กระจกเดิมทับลงไป เพื่อคุมโทนสีขาวดำในภาพรวม ขณะที่บนโต๊ะรับประทานอาหารประดับด้วยโคมไฟ ซึ่งมีการนำแก้วไวน์มาแขวนประดับเพิ่มความน่าสนใจ

มุมนั่งเล่นหรือห้องรับแขกเดิมทีเป็นห้องซักล้าง (ตรงบริเวณชั้นวางทีวี) ถูกทุบทิ้งเพื่อขยายส่วนรับแขกให้กว้างขึ้น โดดเด่นด้วยการนำของเก่าสะสมมาผสานกับของใช้และตกแต่ง เช่น นำตู้จีนชิ้นแรกที่เริ่มเก็บสะสมมาเป็นชั้นวางทีวี ประติมากรรมรูปสิงห์ที่ได้มาจากบนหน้าบันของศาลเจ้า คละไปกับการประดับด้วยชุดจาน Fornasetti ริมหน้าต่างกระจกบานกระทุ้งและแขวนภาพถ่ายรูปดอกบัว ให้มีตำแหน่งตรงกับแนวโต๊ะพระพุทธรูปหน้าห้องนอนฝั่งตรงข้ามเสมือนการได้ถวายดอกบัวทุกวัน

ด้านการตกแต่งภายในส่วนห้อง นั่งเล่น และห้องครัว คุณแจ๋อธิบายต่อว่าผมบอกกานต์ว่าอยากได้ห้องที่เป็นขาวดำ ในส่วนห้องรับแขกหรือดูทีวี ขาวดำมันเป็นสี Timeless คลาสสิก ดูเท่ด้านคุณกานต์กล่าวเสริมว่าเมื่อก่อนผมจะชอบแต่งเป็นสีเอิร์ธโทน เป็นโคโลเนียล พอแจ๋บอกว่าอยากได้อะไรที่มันโมเดิร์นขึ้นมาหน่อย ฉีกตัวเองขึ้นมาหน่อย เพราะที่บ้านเป็นโคโลเนียลมากๆ แต่สีขาวดำเราไม่เคยแต่งมาก่อน ตอนแรกคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่พอมาทำจริงๆ มันยากมาก ขาวกับดำมันไม่มีการเบลนด์ของสี หาอะไรเข้ามาตกแต่งมันก็จะโดดง่ายมากคุณแจ๋ กล่าว

พื้นที่ส่วนใหญ่ของห้องนี้เกิดจากความชื่นชอบและการ อ่านแมกกาซีนแต่งบ้านเป็นส่วนใหญ่ คุณกานต์อธิบายให้เราฟังว่า เขานำแรงบันดาลใจและแนวคิดที่ได้มาประยุกต์ให้เข้ากับสิ่งที่มีอยู่เดิมเรานำคอนเซ็ปต์จากภาพที่เราชอบมาประยุกต์เป็นของเรา ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ของเรา แต่เรื่อง Mood & Tone เราก็ต้องเรียนรู้กันว่าจะทำอย่างไรให้ของเก่าและของใหม่มาเจอกันได้ลงตัว ที่สุด ไม่โมเดิร์นจนเกินไป เพราะโจทย์หนึ่งก็คือของจากที่บ้านจะเป็นของเก่า มันจะมีของสะสมเป็นตัวบังคับว่าเราจะแต่งห้องโมเดิร์นได้แค่ไหน ห้องนี้จึงเป็นห้องที่มีความเป็นคอนเทมโพรารีขึ้นมาหน่อย เป็นการโชว์ของไปในตัว แต่ไม่ได้ดูเป็นทางการจนเกินไป

ที่นี่ลงตัวสำหรับเราทั้งคู่ ทั้งเรื่องพื้นที่ใช้สอยในโครงการและเรื่องโลเกชั่น เราใช้รถยนต์น้อยลงเพราะการเดินทางที่สะดวกสบาย หลากลายเส้นทาง ทั้งรถ ราง เรือ

สรชัช ศรีลมูล

สวนริมระเบียงฝีมือการจัดของคุณกานต์ เติมความน่าสนใจให้กับระเบียงที่ไม่กว้างนักได้ดีทีเดียว

ห้องนอนมาสเตอร์เปลี่ยนอารมณ์มาเน้นโทนสีฟ้าครามซึ่งเป็นโทนที่ทั้งคู่ชื่นชอบ พร้อมประดับด้วยเครื่องลายคราม และโถน้ำเย็นลายมังกรอายุนับร้อยปี หัวเตียงประดับบนภาพวาดรูปของ Arianna Caroil ศิลปินชื่อดังชาวอิตาเลี่ยนที่วาดเป็นของขวัญสำหรับคุณกานต์ ส่วนเตียงเหล็กชุบโครเมียมที่นำเข้าจากต่างประเทศช่วยสร้างกลิ่นอายโมเดิร์นให้แก่ห้องยิ่งขึ้น

แชนเดอเลียร์ เครื่องลายคราม และประติมากรรม Jesus เป็นองค์ประกอบเด่นของการตกแต่งห้องน้ำในห้องนอนมาสเตอร์  

สวนริมระเบียงห้องนอนมาสเตอร์เป็นมุมกินกาแฟตอนเช้าให้กลิ่นอายเหมือนสวนอังกฤษเล็กๆที่คุณกานต์นำพันธุ์ไม้เดิมจากบ้านมาปลูก อาทิ พุด กุหลาบ เฟิร์นสะใบนาง ชายผ้าสีดา แซมด้วยผักสวนครัว เช่น พริก สะระแหน่ ผักชีลาว และออริกาโน เป็นต้นพร้อมติดตั้งระบบพ่นหมอกคอยเติมความชุ่มชื้นให้พืชพรรณตลอดวัน

ห้องนอนรับแขกและห้องไหว้พระเน้นโทนสีขาวตุ่น ประดับตู้และโต๊ะเครื่องแป้งจีน บนผนังแขวนภาพวาดในหลวงชิ้นสุดท้ายของศิลปินนิรนามวาดให้กับเพื่อนที่เปิดร้านของเก่าอยู่ที่ตลาดนัดจตุจักรอายุกว่า 20 ปี ที่เจ้าของร้านยกให้คุณกานต์มาดูแลต่อจากเขา

ห้องนอนรับแขกและห้องไหว้พระ

จากพื้นที่ ใช้สอยขนาด 85 ตารางเมตร ไม่เพียงสะท้อนตัวตนของผู้อาศัยอย่างเดียวเท่านั้น รายละเอียดที่เราได้ฟังจากการพูดคุยอย่างเป็นกันเองยังบอกให้รู้ถึงหลักการ ใช้ชีวิตสไตล์คนเมืองรุ่นใหม่ได้ว่า การเลือกทำเลที่ตั้งของคอนโดมิเนียมที่เอื้ออำนวยต่อความสะดวกในการเดินทางทุกๆ วันนั้นสำคัญไฉน

Text: นวภัทร ดัสดุลย์
Photo: ฉัตรชัย เจริญพุฒ

Leave A Comment