AN HONEST FRIEND


อบอุ่นดั่งบ้านที่คุ้นเคย

Text: ทัดจันทร์ เกตุสิงห์สร้อย
Photo: ฉัตรชัย เจริญพุฒ, 10DK
Interior Designer: 10DK

ด้วยพื้นฐานการเป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์อิสระที่ คุณเติ้ล-วโรชา ชาครศิริ และสามี เคยมีประสบการณ์ และการเดินทางย้ายถิ่นฐานและทำงานแบบครอบครัว Expat ทำให้คุณเติ้ลคุ้นเคยกับการอยู่อาศัยในพื้นที่ขนาดกระทัดรัดอย่างคอนโด และใส่ใจในการดีไซน์ ส่วนหนึ่งตามแรงบันดาลใจที่ได้จากการเดินทาง และเผื่ออนาคตหากจำเป็นต้องย้ายถิ่นฐานอีกครั้ง ที่นี่อาจสร้างมูลค่าให้กับครอบครัวได้ แต่ก่อนจะถึงช่วงเวลาส่งต่อ คุณเติ้ลเปิดโอกาสให้เดย์เบดส์เข้าเยี่ยมชม พื้นที่คอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง ที่พักอาศัยสุดอบอุ่นของครอบครัวชาครศิริ

“เรานึกภาพตัวเองตอนอยู่ในเมืองใหญ่ แล้วถือของพะรุงพะรังเดินเข้าซอยบ้านแล้วไม่สนุกเลยค่ะ แต่ที่นี่เราสามารถเดินถือของลงจากรถไฟฟ้ามากดลิฟท์เข้าห้องตัวเองได้เลย” คุณเติ้ลเปิดประเด็นเล่าถึงที่มาของการเลือกโลเกชั่น หลังเห็นท่าทีที่ตกใจของพวกเราเมื่อลิฟท์เปิดมาแล้วก้าวเข้าห้องคุณเติ้ลได้เลย

“เดิมทีเราเป็นนักลงทุนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว และมองที่อื่นไว้หลายที่ แต่ด้วยทำเลที่เหมาะสมของที่นี่ ทั้งอยู่ใกล้ทางด่วน ห้างสรรพสินค้า และที่สำคัญคือรถไฟฟ้า ซึ่งคอนโดเราอยู่ติดสถานีเลย ซึ่งจะทำให้การเดินทางในเมืองหลวงขนาดนี้สะดวกมาก อีกทั้งการบริหารเวลาที่เราสามารถควบคุมได้ด้วย ซึ่งบ้านให้ตรงนี้ไม่ได้”

และด้วยความที่อยากได้บ้านสวนกลางเมือง คุณเติ้ลจึงเลือกที่ความสูงเพียงชั้น 3 เมื่อมองจากหน้าต่างห้องพัก จะได้วิวสระว่ายน้ำและต้นไม้เสมือนอยู่บ้านหลังใหญ่ท่ามกลางความอบอุ่นของธรรมชาติ และตกแต่งด้วยสไตล์ Comfy Loft เพื่อให้อารมณ์ความเป็นบ้านที่มากขึ้น

จากห้องเปล่าเดิมขนาดพื้นที่ห้อง 76 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ คุณเติ้ลมองหาบริษัทที่รับออกแบบตกแต่งที่ใช้ระยะเวลาสั้น และกำหนดงบประมาณได้อย่างชัดเจน จนได้มาเจอกับทางบริษัทรับออกแบบและตกแต่ง 10DK เลยตัดสินใจส่งต่อหน้าที่ในรังสรรค์บรรยากาศภายในบ้านให้

“เราเคยเห็นผลงานเขาทางเว็บไซต์ และจากการสอบถามจากพี่สาวที่เป็นสถาปนิก ซึ่งเขาก็แนะนำมาว่าทางนี้มีความเป็นมืออาชีพ เราก็เลยตัดสินใจให้เขาเข้ามาออกแบบตกแต่งให้ ส่วนสไตล์การแต่งห้อง เราเลือกจากประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ โดยพี่เองอยู่ทั้งไต้หวัน ไทเปและเซี่ยงไฮ้ มานานกว่า 7 ปี เราคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในคอนโดมาตลอด อย่างสไตล์ลอฟท์ที่เลือก ก็เลือกเผื่อถ้าวันหนึ่งลูกชายโตพอ คอนโดนี้ก็อาจจะยกให้เขา

เราพยายามจับความชอบของลูกชายก่อน ว่าเขาชอบสไตล์ไหน ซึ่งเรามี 2 ตัวเลือกในใจคือ คลาสสิก และลอฟท์ ซึ่งคลาสสิกมีความโตเกินไป ซึ่งเต้ (ลูกชาย) เขาโอนเอียงไปทางลอฟท์มากกว่า เพราะดูทันสมัย และเข้ากับวัย แต่ถามว่าวัยเราอยู่ได้ไหม ก็อยู่ได้ล่ะ จริงๆ ถ้าได้อยู่บ้านที่ไม่แก่ เราก็จะไม่แก่ใช่ไหมล่ะ (หัวเราะ)”

คุณเติ้ลในอิริยาบถสบายๆ ภายในห้องพัก

หากพูดถึงการตกแต่งสไตล์ลอฟท์ เรามักคุ้นเคยกับการหยิบยกสไตล์นี้ไปตกแต่งร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือบ้านที่ใช้วัสดุปูนเปลือยที่มีทั้งความเท่ และดิบปนเปผสมกัน ซึ่งในความชื่นชอบสไตล์นี้คุณเติ้ลแอบหนักใจอยู่บ้างเหมือนกัน ว่าหากนำมาตกแต่งแล้วอยู่จริง จะไม่สบายเหมือนกับบ้านในสไตล์อื่นๆ

“เราคุยกับทาง 10DK ถึงความต้องการของเรา ซึ่งเขาก็พยายามตีโจทย์ และสามารถทำออกมาให้ไม่เป็นร้านกาแฟได้ ไม่แรงเกินทั้งสี และของตกแต่ง ซึ่งเขาก็พยายามทำการบ้านมาให้เราเลือกเยอะมากค่ะ ก็สรุปมาที่โทนสีน้ำตาล และใช้อิฐเพื่อบ่งบอกความเป็นลอฟท์ จริงๆ แล้วเราจะตกแต่งสไตล์ลอฟท์ทั้งหมดเต็มพื้นที่เลยก็ได้ แต่เราอยากให้ดีไซน์ดูแตกต่างสักหนึ่งห้อง เลยเลือกที่จะใช้สไตล์ลอฟท์ในโซน Living Room และห้องนอนใหญ่ โดยที่ห้องนอนเล็กตกแต่งแบบธรรมดา เลือกใช้สีพื้นแทนการปูอิฐ จริงๆ ส่วนตัวชอบทั้ง Living Room และ Bedroom ที่เป็นผนังอิฐ โดยเฉพาะโซฟาสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่ห้อง Living Room ที่นั่งแล้วให้ความรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย ซึ่งตรงนี้แตกต่างจากความเป็นลอฟท์ทั่วไปที่เราเห็น ที่มักเป็นอิฐหรือไม้ ที่อาจอยู่ไม่สบาย แล้วก็ตั้งอยู่ติดกับครัว เดิมทีห้องไม่มีครัวมาให้ เราแจ้งกับทีมอินทีเรียว่าเราเป็นคนชอบทำอาหาร อยากให้ทำครัวเพิ่มให้สักนิด ซึ่งเขาก็ต่อเติมให้ เป็นครัวเล็กๆ น่ารักที่เชื่อมต่อจากห้อง Living Room และใส่ใจในเรื่องของรายละเอียดเล็กๆ อย่างการวางตู้เย็น บ้านปกติจะวางโดดออกมาจากการดีไซน์ แต่อินทีเรียนำตู้เย็นไปซ่อนเอาไว้ในตู้ที่เป็นแฟลตฟอร์มเดียวกับท็อปครัว และลิ้นชัก ซึ่งทำให้ดูกลมกลืนไปหมด คือถ้าไม่สังเกตุก็จะไม่รู้เลยว่าตู้เย็นของบ้านซ่อนอยู่ตรงไหน”

ด้วยความที่คุณเติ้ลต้องเดินทางตลอด การใช้ต้นไม้จริงอาจไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้งานนัก การใช้ต้นไม้เลียนแบบของจริง จึงตอบโจทย์เรื่องการใช้งานมากกว่า โดยคุณเติ้ลมองว่า “ตอนนี้มันอาจจะยังเป็นไอเดียในการตกแต่ง ซึ่งอินทีเรียตีโจทย์จากความต้องการของเรา ที่ชอบความเป็นธรรมชาติ หากอนาคตเรามีเวลาที่แน่นอน ก็แค่นำต้นไม้จริงมาวางแทนที่เดิม” นอกจากเรื่องของตกแต่งคุณเติ้ลยังมองในส่วนของทิศทางของแสงและลมร่วมด้วย

“บ้านอันดับแรกคือต้องอยู่สบาย หมายถึงอยู่ในทิศทางที่ดีและถูกต้อง ต้องอยู่แล้วเย็น มีลมเข้า มีแสงเข้าในเวลาที่พอเหมาะ เราว่าการอยู่ในบ้านที่ดีจะช่วยให้ผู้อยู่อาศัยในบ้านมีพลังทางบวกที่ดีขึ้น พอคนในบ้านมีพลังบวกที่ดี ทีนี้จะออกไปทำงาน หรือไปทำอะไร ก็ดีไปหมด อย่างห้องนี้ เราเลือกจากองค์ประกอบหลายๆ อย่างร่วมกัน ทั้งโลเกชั่น ที่สะดวกสบาย และเหมาะสมกับทั้งเราและลูก เรายังมีความคิดไกลในแง่ของการลงทุนในอนาคตหากไม่ได้อยู่อาศัยเอง ดีไซน์ที่แตกต่างก็ช่วยสร้างโอกาสให้กับเราได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน”

“บ้านปกติจะวางโดดออกมาจากการดีไซน์ แต่อินทีเรียนำตู้เย็นไปซ่อนเอาไว้ในตู้ที่เป็นแฟลตฟอร์มเดียวกับท็อปครัว และลิ้นชัก ซึ่งทำให้ดูกลมกลืนไปหมด คือถ้าไม่สังเกตุก็จะไม่รู้เลยว่าตู้เย็นของบ้านซ่อนอยู่ตรงไหน”

คุณเติ้ล-วโรชา ชาครศิริ

 

ประตูด้านซ้ายสุดของภาพ คือจุดเชื่อมต่อเราระหว่างห้องพักอาศัยและลิฟท์โดยสาร ที่จะพอเราไปยังส่วนกลางของโครงการ

โซฟาหนังสีน้ำตาลตัวใหญ่กลาง Living Room หนึ่งในไอเท็มสุดโปรดของคุณเติ้ลและครอบครัว

นอกจาก Living Room โต๊ะกินข้าวก็เป็นอีกจุดที่สามาชิกในครอบครัวมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้า

อิฐสีน้ำตาลบ่งบอกความเป็นลอฟท์ เข้ากันดีกับเฟอร์นิเจอร์ Fit in สีน้ำตาลและดำที่ได้จากเหล็ก

สีพื้นธรรมดาถูกนำมาใช้แทนการปูอิฐ เพื่อลดความเลี่ยนของงานดีไซน์ที่มากล้นจนเกินไป

ความฉลาดบวกความขี้เล่นของอินทีเรีย หากไม่บอก จะดูไม่ออกเลยว่าตู้เย็นถูกซ่อนอยู่ในตู้ใบไหนกันแน่

แสงธรรมชาติสาดเข้ามาในห้องในช่วงหน้าร้อนอย่างพอดิบพอดี สว่างพอทดแทนแสงจากหลอดไฟแต่ ไม่มากเกินจนห้องร้อน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Leave A Comment