CITY LIFE
“เติมสีสันให้ชีวิต”
Text : Doowoper
Photo : ภคนันท์ เถาทอง
เมื่อประสบการณ์จากการท่องโลก ถูกถ่ายทอดผ่านรายละเอียดการตกแต่งคอนโดฯ ให้เสมือนเป็นโรงแรม! ผลลัพธ์ที่ได้จึงสะท้อนถึงความงามอันลงตัวในการอยู่อาศัยของ จอน–เฉลิมวงค์ และโบว์–สุธิดา วีรังคบุตร สองคู่รักผู้มีมุมมองแตกต่างทว่าน่าสนใจ เผยความมีแบบแผน เคารพในตัวตนและความคิดของผู้อื่น
ย่างก้าวแรกเมื่อเข้ามาในคอนโดฯ (แถวย่านสุขุมวิท) ของคุณจอนและคุณโบว์ รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ระคนไปด้วยความอบอุ่น เรียบง่าย และหรูหรา ซึ่งอิงอยู่ภายใต้สัดส่วนที่พอดี มีความดิบสวยซ่อนเท่ ไม่รก ไม่เยอะ อาจเพราะทุกฟังก์ชั่นภายในห้องนั้นได้ผ่านกระบวนการความคิดมาอย่างละเอียดลออจากคุณ เอ-วัฒนา โกวัฒนาภรณ์ (ผู้ก่อตั้ง Abalance interior design) อินทีเรียร์ ดีไซเนอร์ชื่อดังซึ่งมีผลงานมากมาย ทั้งบ้านเซเลบฯ ดารา และร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ
“หลังจากให้คุณเอตกแต่งบ้านแถววัชรพลเสร็จเมื่อ 4-5 ปีก่อน ครั้งนี้ผมจึงให้เขามาออกแบบให้อีกครับ เพราะชอบและเชื่อฝีมือ คือไม่ใช่แค่ออกแบบดีนะ แต่เขายังใส่ใจงานตลอดทุกขั้นตอน ไม่เคยหายตัว มาทุกครั้งตั้งแต่คุยงาน หรือแม้กระทั่งผู้รับเหมานัดมาตรวจงาน เวลาเลือกเฟอร์นิเจอร์ผมไลน์ไปถามว่าโอเคไหม เข้ากับมู้ดและโทนการตกแต่งหรือเปล่า เขาก็ตอบเราทุกทีไม่เคยทิ้งข้ามวัน” คุณจอนเอ่ยถึงอินทีเรียร์ ดีไซเนอร์ผู้รู้ใจ พร้อมแง้มประเด็นถึงโจทย์การตกแต่งห้อง
“ที่นี่ถือว่าเป็นบ้านหลังที่สองซึ่งผมและแฟนซื้อไว้เพื่อมาอยู่ในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เพราะมันใกล้ที่ทำงาน ขณะเดียวกันเราก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศด้วย ดังนั้นจึงไม่อยากให้คอนโดฯ มีลุคเหมือนกับที่บ้าน และโจทย์ที่เราให้ไว้กับดีไซเนอร์นั่นก็คือ อยากเนรมิตให้ที่นี่มีบรรยากาศเสมือนอยู่ในโรงแรมครับ”
“เรียกว่าเป็น City life สำหรับอยู่สบายๆ ค่ะ อารมณ์ประมาณหอบหิ้วสัมภาระมาแล้วเข้าอยู่ได้เลย” เสียงสมทบจากคุณโบว์ผู้เป็นภรรยาพูดขึ้นมา ก่อนที่ทั้งคู่จะหยิบมือถือพร้อมเปิดรูปมุมหนึ่งของร้านอาหารโนมา (Noma) ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์กให้ทีมงานดู ซึ่งฉายให้เห็นบรรยากาศใกล้เคียงกับคอนโดฯ แห่งนี้มากๆ พร้อมเฉลยว่ามู้ด & โทน ทั้งหมดมาจากรูปนี้รูปเดียวนั่นเอง
“ที่ส่งภาพตัวอย่างบรรยากาศการตกแต่งห้องที่ชอบที่สุดให้คุณเอดูเพียงรูปเดียวก็เพื่อให้ทำงานได้ง่ายด้วย ซึ่งแนวความคิดนี้ก็มาจากคุณเอเนี่ยล่ะครับ เพราะเขาเคยบอกกับเราว่าหลายคนมักส่งภาพตัวอย่างให้นักออกแบบดูเยอะมาก ปัญหาคือบางเคสอาจทำให้หลงประเด็นหรือหลุดคอนเซ็ปต์ความต้องการได้ ดังนั้นใช้แค่ภาพเดียวที่คิดว่าใช่ก็พอแล้ว” คุณจอนพูดเสริมขณะดูรูป ก่อนที่ภรรยาจะตบบท
“ห้องนี้ตกแต่งค่อนไปทางสไตล์สแกนดิเนเวียนนิดๆ ดูอบอุ่น ทันสมัย และเรียบง่าย รวมถึงมีความรัสติกด้วย ซึ่งเดิมทีนั้นเป็นแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 57 ตร.ม. ที่ค่อนข้างเล็ก เราจึงทุบเหลือเพียงห้องนอนเดียวและแบ่งสเปซใหม่ จึงทำให้รู้ว่าคุณเอเขาเก่งมากๆ นอกจากเข้าใจในสไตล์ที่เจ้าของบ้านชื่นชอบแล้ว ยังสามารถจัดโซนนิ่งต่างๆ ในพื้นที่จำกัดได้อย่างลงตัว มีความเป็นสัดส่วนและใช้งานได้จริง”
“หลายคนมักมองว่าการจ้างอินทีเรียร์ ดีไซเนอร์นั้นสิ้นเปลือง แต่เราคิดว่าเขาคือมืออาชีพ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งก็เหมือนกับคุณไปหาหมอ คุณไม่สามารถบอกหมอได้ว่าคุณป่วยเป็นอะไร เพราะหมอจะบอกเราเอง แต่หน้าที่ของคุณคือบอกอาการที่มันเกิดขึ้นนั่นเอง”
และด้วยความที่สามี/ภรรยาคู่นี้รักการท่องเที่ยว และมักพาตัวออกไปเปิดโลกอยู่บ่อยๆ เครื่องเรือนและข้าวของต่างๆ ที่นำมาตกแต่ง จึงล้วนถูกคัดสรรมาจากทั่วทุกสารทิศ แม้แต่ดีเทลเล็กๆ น้อยๆ อย่างมือจับที่ได้มาจากปารีส หรือแจกันที่ซื้อมาจากโคเปนเฮเกน รวมถึงก๊อกซิงค์ที่ไปสอยมาจากจังหวัดนครปฐมก็ตาม
ทั้งหมดต่างมีลุคที่แมทช์กับห้องเป็นอย่างดี เรียกว่าไม่ปล่อยให้หลุดคอนเซ็ปต์เลยทีเดียว นอกจากนี้พวกเขายังรักและชื่นชอบข้าวของมีดีไซน์ ในห้องจึงมีงานดีไซน์ไอคอนจากแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ดังๆ ผสมโรงอยู่ไม่น้อย อาทิเช่น ผลงานเก้าอี้จากสองคู่รักนักออกแบบในตำนานอย่าง Charl and Ray Eames โคมไฟติดผนังและตั้งพื้นของแบรนด์ Anglepoise หรือตู้วางทีวีของแบรนด์ Ethnicraft
แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือเครื่องเรือนบางชิ้น (เช่นตู้เสื้อผ้า) นั้นเป็นฝีมือของคุณเอที่ออกแบบและสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษให้กับที่นี่โดยเฉพาะ ซึ่งนอกจากสวยงามยังกลมกลืนและลงตัวกับพื้นที่สุดๆ
“สำหรับการเลือกซื้อของตกแต่งบ้าน เราทั้งคู่จะไม่รีบซื้อมาวางๆ ให้จบวันนี้วันพรุ่งนะ แต่เราจะค่อยๆ ซื้อ ค่อยๆ เลือกหาไปเรื่อยๆ ค่ะ จนกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการจริงๆ “
“อ้อ อีกเรื่องหนึ่งที่ประทับใจมากๆ คือ ขอบบัวเพดาน เท็กซ์เจอร์ผนัง ตำแหน่งการวางไฟ ซ่อนไฟ หรือแม้แต่การกรุตระแกรงเหล็กพรางเครื่องแอร์ ดีเทลเหล่านี้เนี่ยผมว่ามีผลต่อความงามที่ไม่ควรมองข้ามนะ ซึ่งคุณเอก็ให้ความสำคัญ ไม่เคยปล่อยผ่านแม้แต่น้อย ต้องยอมรับเลยว่าเขาละเอียดมากๆ ครับ”
หนึ่งประโยคบอกเล่าถึงแบบแผนในการจัดการ และอีกหนึ่งประโยคเอ่ยปากถึงรายละเอียดสำคัญอันน่าชื่นชม ซึ่งทั้งสองประโยคทิ้งท้ายบทสนทนาของเขาแลเธอ ฟังดูแล้วมีอารมณ์ความรู้สึกอันน่ายินดีปนอยู่ด้วยกันทั้งคู่
แหม… เรื่องราวทั้งหมด ช่างเป็นการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนใครซะจริงๆ ทำให้เราได้แง่คิดว่า… ความสุขและความพึงพอใจในการอยู่อาศัยนั้น ทุกคนสามารถออกแบบได้นะ แค่เราต้องรู้จักจัดการ และต้องรักและเคารพในตัวตนที่เราเป็นเท่านั้นเอง